หนุ่มสาวชาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานที่เดิมเป็นเวลานาน อย่าหลงคิดว่าแค่นั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์แล้วจะสบาย ไม่ได้ทำงานหนัก แต่ตรงกันข้ามเลยหากเราทำงานในท่วงท่าเดิมเป็นเวลานาน ด้วยการใช้สายตาเพ่งเล็งที่จอคอมพิวเตอร์และใช้สมองคิด บวกกับความเคร่งเครียดในการทำงานแต่ละวันด้วยแล้ว ระวังโรคร้ายต่าง ๆ ที่เกิดจากการทำงานของชาวออฟฟิศจะถามหาเอา วันนี้เราเลยลิสต์โรคยอดฮิตของชาวออฟฟิศและวิธีการออกกำลังกาย ที่เรา ๆ สามารถทำตามได้ง่าย ๆ แถมยังช่วยลดอาการป่วยจากการทำงานของชาวออฟฟิศได้อีกด้วย

โรคยอดฮิตที่ชาวออฟฟิศหลาย ๆ คนมักจะเจ็บป่วย


ออฟฟิศซินโดรม

คนทำงานกว่าร้อยละ 60 โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศ มีภาวะออฟฟิศซินโดรม ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานโดยที่ไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย แม้แต่ในเวลาพักก็ยังนั่งก้มหน้าอยู่กับจอโทรศัพท์เช่นกัน ทำให้เกิดอาการเกร็งและตึงกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ หลัง ไหล่ ข้อมือ นิ้วมือ ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้นานก็จะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ เอ็นอักเสบ มีอาการปวดหลัง ปวดตึงบริเวณต้นคอไม่หาย ปวดศีรษะเรื้อรัง มือชา นิ้วล็อก เป็นต้น

วิธีแก้คือ ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ปรับความสูงของเก้าอี้ทำงานให้อยู่ในท่าที่นั่งสบาย นั่งให้เต็มก้นหลังพิงพนัก ตำแหน่งการวางคอมพิวเตอร์ต้องเหมาะสม รวมถึงหมั่นลุกมาเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ที่สำคัญ ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อคลายกล้ามเนื้อส่วนที่ตึง เพราะหากมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาจถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท กลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

ภาวะซึมเศร้า

เป็นโรคทางจิตเวชที่คุกคามชีวิตของคนวัยทำงานจำนวนไม่น้อย โดยแนวคิดเกี่ยวกับสาเหตุของโรคซึมเศร้านั้นมาจากหลายปัจจัย ทั้งกรรมพันธุ์ สารเคมีในสมอง และลักษณะนิสัยส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ความเครียด ก็เป็นอีกปัจจัยที่มากระตุ้นให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน เมื่อมีความกดดันด้านจิตใจหรือความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่มีผลต่อจิตใจอย่างรุนแรง ก็ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการซึมเศร้าได้ง่าย

ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการคิดมาก จิตตก ท้อแท้หมดกำลังใจ เศร้า หดหู่ ร้องไห้บ่อย ๆ ในบางรายอาการหนัก จนจมอยู่กับความทุกข์ ไม่สามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติได้ และพยายามฆ่าตัวตาย ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน อย่ามองว่าการพบจิตแพทย์เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะแพทย์จะวินิจฉัยว่าอาการที่เป็นอยู่เป็นเพียงความเครียดสะสม หรือเป็นภาวะซึมเศร้าที่ต้องได้รับการรักษา

ควรมีคนใกล้ชิดที่สนิทในที่ทำงานไว้บ้างก็จะดี เพื่อจะได้มีคนคอยรับฟัง คอยแนะนำ รวมถึงคอยสังเกตอาการผิดปกติ เพื่อจะได้ไปรับการรักษาอย่างทันท่วงที

ความดันโลหิตสูง

คนทำงานส่วนใหญ่ทำงานภายใต้แรงกดดัน ส่งผลให้เกิดอาการเครียด จนมีภาวะความดันโลหิตสูง แต่ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงบางส่วนก็ไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ จึงพอจะระบุสาเหตุว่าอาจเกิดจาก 2 ปัจจัยคือ พันธุกรรมและพฤติกรรม อย่างไรก็ตาม ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคร้ายอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น

ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของตน ตั้งแต่การรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัดเค็มจัด บริโภคผักและผลไม้ให้ได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ ออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่ งดสุรา และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

สาเหตุส่วนใหญ่มาจากความเครียด การกินอาหารไม่ตรงเวลา และกินแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ จนทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ เช่น เครียดลงกระเพาะ สาเหตุมาจากระบบประสาทอัตโนมัติจะการตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยออกมามากกว่าปกติ จนเกิดการระคายเคือง เป็นแผลในกระเพาะอาหาร ที่ทำให้เกิดอาการปวดหรือจุกแน่นท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือหน้าท้องส่วนบน ซึ่งอาจมีอาการแทรกซ้อนอย่างเลือดออก กระเพาะอาหารทะลุ หรือกระเพาะอาหารอุดตัน

กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดจากเยื่อบุด้านในกระเพาะอาหารอักเสบ และกรดไหลย้อน เกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ได้พิถีพิถันมากเท่าที่ควร เนื่องด้วยความเร่งรีบ และไม่มีตัวเลือกอาหารให้มากนัก จึงต้องกินอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ อย่างอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารหมักดอง อาหารรสจัด ของมัน ของทอด น้ำหวาน น้ำอัดลม รวมถึงการกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือกินอาหารก่อนนอน กินเสร็จแล้วนอนทันที ก็ทำให้เป็นกรดไหลย้อนได้เช่นกัน

อ้วน

เป็นภาวะที่ร่างกายสะสมไขมันมากเกินปกติ จนเป็นปัจจัยเสี่ยงหรือเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ร่างกายไม่แข็งแรง มีปัญหาเรื่องสมรรถนะการทำงาน การใช้ชีวิต จนอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

สาเหตุหลักของความอ้วนมาจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การทำงานที่ต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน กินอาหารมากเกินความจำเป็นของร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาล โซเดียม และไขมันปริมาณสูง ขาดการออกกำลังกาย ซึ่งหากไม่ดูแลสุขภาพและไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็จะเกิดภาวะแทรกซ้อน กลายเป็นโรคเรื้อรังได้ อย่าง อ้วนลงพุง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เบาหวาน ตับแข็ง และโรคหัวใจ

ดังนั้น ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะพฤติกรรมการกิน หลีกเลี่ยงการกินอาหารหน้าคอมพิวเตอร์ กินแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ กินของหวาน ของมัน ของทอดมากเกินพอดี ไปเป็นกินอาหารให้น้อยลง เน้นกินอาหารที่มีประโยชน์แทน ต้องขยับร่างกายให้มากขึ้น และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

มีผลสืบเนื่องมาจากโรคอ้วน และพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม พักผ่อนน้อย หรือบางคนที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอย่างเช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ทั้งหมด ดังนั้นต้องระมัดระวังการใช้ชีวิต และหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้

โรคเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง

เป็นโรคใกล้ตัวคนวัยทำงาน มีความเครียดเป็นสาเหตุหลัก เนื่องจากสมองเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมการทำงานของร่างกายทุกส่วน เมื่อระบบประสาทและสมองมีปัญหา ก็จะส่งผลต่อระบบอื่น ๆ ในร่างกายด้วยเช่นกัน มักมีอาการแรกเริ่มคือ ตาพร่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง การคิด การทำ การพูด การทรงตัวผิดปกติ ปวดหัวไมเกรน สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะทำให้พิการ เส้นเลือดในสมองแตก สมองขาดเลือด เป็นอัมพาต ดังนั้น จึงจำเป็นมากที่จะต้องดูแลสมองของเราให้ดี เพื่อให้ทุกระบบในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ

9 วิธีออกกำลังกาย บอกการป่วยด้วยโรคจากการทำงานออฟฟิศ

  1. บอกลาลิฟต์ แล้วเดินขึ้นบันไดแทน
    เปลี่ยนออฟฟิศให้เป็นฟิตเนสยิมด้วยการเดินขึ้นบันได เพราะวิธีนี้จะช่วยเบิร์นไขมัน ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น แถมยังช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
  2. ขยับร่างกายแทนการนั่งนาน ๆ
    ขยับเขยื้อนร่างกายด้วยการยืดเส้นยืดสาย และอาจฝึกกล้ามเนื้อโดยลองหาอุปกรณ์เล็ก ๆ อย่างดัมเบลหรือยางยืดมาออกกำลังกายขณะพักเที่ยงหรือช่วงเวลาที่ว่างจากงาน
  3. เปลี่ยนมาใช้โต๊ะยืนทำงาน
    หากเปลี่ยนจากการนั่งทำงานมาใช้โต๊ะยืนทำงานก็ช่วยให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวมากขึ้นขณะอยู่ที่ออฟฟิศ แต่การยืนทำงานทั้งวันอาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้เช่นกัน ดังนั้น ควรเลือกโต๊ะทำงานที่สามารถปรับระดับความสูงได้ โดยอาจยืนและนั่งทำงานสลับกันไป และควรปรับโต๊ะให้จอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตาเสมอ เพื่อป้องกันอาการปวดคอ
  4. ลุกขึ้นยืนบ้าง
    เมื่อที่ทำงานไม่มีโต๊ะยืน ควรเปลี่ยนจากการนั่งอยู่ที่โต๊ะนาน ๆ เป็นลุกขึ้นยืนบ้าง เพราะการยืนและการก้าวเดินมีส่วนช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น แถมยังช่วยป้องกันกระดูกสันหลังผิดรูปได้อีกด้วย โดยอาจหาเวลายืนขึ้นเป็นช่วง ๆ และอาจปรับเปลี่ยนออฟฟิศให้มีพื้นที่สำหรับการยืนทำงานมากขึ้น
  5. ใช้ลูกบอลนั่งทำงานแทนเก้าอี้
    การใช้ Stability Ball หรือลูกบอลสำหรับออกกำลังกายแทนการใช้เก้าอี้นั้น ช่วยให้ขาได้ออกแรงมากขึ้นและยังช่วยฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัวด้วย ซึ่งสามารถทำได้โดยนั่งหลังตรงบนลูกบอล แขม่วหน้าท้องโดยให้ฝ่าเท้าทั้ง 2 ข้างวางราบไปบนพื้น รวมทั้งให้ขา เข่า และสะโพก ตั้งฉากกับพื้นในมุม 90 องศา
  6. ออกกำลังกายแขน
    แม้จะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานแต่ก็สามารถยืดแขนและเพิ่มความกระชับให้กับแขนได้ โดยทำท่าบริหารง่าย ๆ อย่างการหมุนไหล่ไปข้างหน้าและข้างหลัง และหมุนคอเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือหากมีเวลาอาจลองบริหารกล้ามเนื้อต้นแขนด้านหน้าและด้านหลังด้วยการใช้ดัมเบลหรือยางยืดสำหรับออกกำลังกายก็ได้
  7. ยืดบริหารกล้ามเนื้อขา
    เริ่มจากการวางฝ่าเท้าทั้ง 2 ข้างให้ราบไปบนพื้น แล้วค่อย ๆ ยกส้นเท้าขึ้นลงประมาณ 5-10 ครั้ง ต่อด้วยการเหยียดปลายเท้า โดยยกขาข้างหนึ่งขึ้นแล้วเหยียดปลายเท้าไปข้างหน้าประมาณ 5-10 ครั้ง ทำสลับกับอีกข้าง จากนั้นยกขาข้างหนึ่งขึ้นแล้วหมุนเป็นวงกลมหลาย ๆ รอบ แล้วทำสลับกับขาอีกข้างเช่นเดิม เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณข้อเท้า
  8. ดันโต๊ะกระชับกล้าม
    โต๊ะทำงานในออฟฟิศก็ช่วยกระชับกล้ามเนื้อให้ฟิตขึ้นได้ เพียงแค่วางมือทั้ง 2 ข้างบนโต๊ะให้มีความกว้างประมาณหัวไหล่ โน้มตัวลงด้านหน้าโดยให้ลำตัวเหยียดตรง จากนั้นงอข้อศอกให้หน้าอกลดต่ำลงแล้วดันตัวขึ้นคล้ายกับท่าวิดพื้น โดยอาจทำเท่าที่ทำได้ก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มจำนวนครั้งให้มากขึ้น
  9. ใช้ทุกนาทีให้มีค่า
    หากมีเวลาพัก อย่านั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะเฉย ๆ ควรออกไปเดินเล่นบริเวณรอบ ๆ ออฟฟิศ หรือสมัครเป็นสมาชิกศูนย์ออกกำลังกายสาขาใกล้ ๆ ที่ทำงาน เพื่อแวะไปออกกำลังกายช่วงพักเที่ยง นอกจากนี้ หากมีเรื่องต้องติดต่อพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานในแผนกอื่น ควรเดินไปหาแทนการใช้อีเมล เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวบ้าง

แค่ออกกำลังกายด้วยวิธีง่าย ๆ ที่เราลิสต์มาให้นี้ ชาวออฟฟิศก็สามารถพิชิตอาการออฟฟิศซินโดรมและอาการป่วยด้วยโรคต่าง ๆ อันเนื่องมาจากการนั่งทำงานด้วยท่วงท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ ได้ อีกทั้งยังประหยัดทั้งเงินและเวลา เพราะใช้เวลานาน แม้จะนั่งทำงานอยู่กับที่ ก็สามารถขยับแขนขยับขาเพื่อเปลี่ยนท่วงท่าให้เป็นการออกกำลังกายได้แล้ว และที่สำคัญยังได้สุขภาพที่แข็งแรงขึ้นอีกด้วย

OfficeMate ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น สนใจช้อปสินค้าเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม อุปกรณ์ออกกำลังกาย เก้าอี้ทำงาน หรืออื่นๆอีกมากมายพร้อมโปรโมชั่นพิเศษที่นี่ที่เดียว!!