นโยบายที่สังคมให้ความสนใจและจับตามองของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสินอยู่ ณ ขณะนี้คงไม่พ้นเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นนโยบายที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้กระเตื่องขึ้น ซึ่งนโยบายนี้มีวี่แววว่าจะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงกลางปี 2567 เรามาดูเงื่อนไขของนโยบายเงินดิจิทัลนี้กันดีกว่าว่าเป็นอย่างไร และใครบ้างที่มีสิทธิได้รับ 

สรุปเงื่อนไขโครงการเงินดิจิตอล 10,000 บาท

โครงการเงินดิจิตอล 10,000 บาท หรือโครงการ Digital Wallet เป็นนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ได้แถลงต่อรัฐสภาและให้สัญญาไว้กับประชาชน โดยวัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือการมอบเงินให้แก่ประชาชนคนละ 10,000 บาท สำหรับใช้จ่ายเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจภายในประเทศมีเงินสะพัดหมุนเวียนขึ้นทั่วประเทศ แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ออกมาจากหลายฝ่าย แต่รัฐบาลก็ยืนยันที่จะผลักดันนโยบายนี้ให้สำเร็จผลอย่างเป็นรูปธรรม เพราะมองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่โดยมีประชาชนเป็นกลไกสำคัญ และยังเป็นการวางพื้นฐานไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในระดับมหภาคได้ด้วย โดยเราได้สรุปเงื่อนไขของโครงการเงินดิจิตอลมาให้แล้ว ดังนี้

  1. แจกคูปองดิจิตอลไม่ใช่เงินสด

จำนวนเงิน 10,000 บาท ที่จะมอบให้กับประชาชนนั้นเป็นรูปแบบเงินดิจิทัลไม่ใช่เงินสดที่โอนเข้าบัญชีโดยตรง ซึ่งในที่นี้เงินดิจิตอลคือคูปองออนไลน์ ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือสินทรัพย์ดิจิตอล ใช้งานผ่านแอปเป๋าตังสำหรับใช้จับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด 6 เดือน หากใช้ไม่หมดเงินที่เหลือจะถูกตัดโดยอัตโนมัติ

  1. จำกัดสิทธิเฉพาะกลุ่มบุคคลตามเกณฑ์

ผลสรุปการประชุมคณะกรรมการนโยบายเงินดิจิทัลล่าสุดได้กำหนดเงื่อนไขของผู้ที่จะได้รับสิทธิ ดังนี้

  • เป็นคนสัญชาติไทยที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไป
  • รายได้ต่ำกว่า 70,000 บาท/เดือน และ/หรือมีเงินฝากต่ำกว่า 500,000 บาท
  • ประชาชนที่ได้รับสิทธิสวัสดิการอื่น เช่น คนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สูงอายุ และคนพิการ ก็มีสิทธิได้รับเงินดิจิตอล 10000 เช่นกัน ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิซ้ำซ้อน

 

  1. ขอบเขตการใช้

  • สามารถใช้เงินดิจิตอลใช้จ่าย ณ ร้านค้าภายในอำเภอตามที่ระบุในทะเบียนบ้าน ไม่สามารถใช้ข้ามเขตอำเภอได้ 
  • ใช้จับจ่ายซื้อได้เฉพาะของอุปโภคบริโภคภายในครัวเรือนที่เป็นสิ่งของเท่านั้น ใช้กับการบริการไม่ได้
  • ไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บุหรี่ กัญชา กระท่อม 
  • ไม่สามารถนำไปซื้อของออนไลน์
  • ไม่สามารถนำไปซื้อบัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร อัญมณี หรือเครื่องประดับ
  • ไม่สามารถนำไปชำระหนี้สิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเทอม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ

คาดการณ์ว่าโครงการเงินดิจิตอลนี้จะเข้าถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้ถึง 50 ล้านคน โดยตั้งเป้าเริ่มใช้งานได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 นี้ อย่างไรก็ตาม โครงการเงินดิจิตอลของรัฐบาลชุดนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องตามลุ้นและจับตามองกันอย่างใกล้ชิดกันต่อไปว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่

บทความที่เกี่ยวข้อง