เรียกได้ว่าการ “แคมป์ปิ้ง” เป็นอีกหนึ่ง Activity ที่คนให้ความสนใจกันอย่างแพร่หลาย เพราะคนจำนวนมากเริ่มเบื่อความจำเจในเมืองกรุง ให้ความสนใจกับการออกต่างจังหวัดไปสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจลานกางเต็นท์มีการเติบโตในตลาดอย่างรวดเร็ว และทำให้ดีมานต์ของการซื้อ – ขายอุปการณ์กางเต็นท์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งธุรกิจลานกางเต็นท์ไม่ได้เติบโตในประเทศไทยอย่างเดียว แต่เติบโตในทั่วโลกเช่นกัน

โดยข้อมูลที่ได้มากจาก Business Research Company กล่าวว่าการเติบต่อของตลาดท่องเที่ยวสไตล์แคมป์ปิ้งทั่วโลกในปี 2565 มีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 11.2 % และคาดว่าปี 2569 จะเพิ่มขึ้นอีก 9.9 % ในขณะเดียวกันจากการที่ดูข้อมูลสถิติจาก Google Trend ใน 4 – 5 ปี ที่ผ่านมาของตลาดแคมป์ปิ้งในไทยก็พบว่ามีคนสนใจมากขึ้นในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะกลุ่มคนกลุ่ม Gen Y และกลุ่ม มิลเลนเนียน ซึ่งถ้าหากใครกำลังให้ความสนใจกับธุรกิจแคมป์ปิ้ง วันนี้ OfficeMate มีเทคนิคดี ๆ สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจแคมป์ปิ้ง-ลานกางเต็นท์ มาฝากให้คุณได้รู้กัน

มือใหม่อยากเปิดธุรกิจต้องทำอย่างไร

ธุรกิจแบบนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกันโดยจะเป็นการแบ่งแยกระหว่าง Glamping และ Camping

● “แกล้มปิ้ง” (Galmping)

เป็นการรวมคำของคำว่า Glamourous ที่แปลว่าหรูหรา และ Camping ที่แปลว่าการตั้งแคมป์ โดยเป็นการนำทั้ง 2 คำมารวมกันจะได้คำว่า “การตั้งแคมป์แบบหรูหรา” ซึ่งธุรกิจประเภทนี้จะให้ความสะดวกสบายเพราะ มีห้องน้ำส่วนตัว ในเต็นท์ติดแอร์ รวมถึงมีโต๊ะ ทีวี ตู้เย็นให้ครบภายในเต็นท์เดียว จึงมีความคล้ายคลึงกับการไปพักโรงแรม หรือรีสอร์ท แต่ความแตกต่างคือได้มาพักแบบใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง จากการประเมิณในเบื้องต้นธุรกิจ Glamping มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะคนที่ไม่เน้นลุย ชอบความสะดวกสบายภายในตัว แต่ยังมีความอยากได้ไลฟ์สไตล์ที่ดื่มดำกับบรรยากาศ


● แคมป์ปิ้ง (Camping)

เป็นการให้บริการแบบพื้นที่เช่าสำหรับกลางเต็นท์ โดยผู้ที่สนใจมากต้องเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างมาเอง ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์ เครื่องนอนต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกของตนเอง ซึ่งธุรกิจนี้จะเป็นการทำพื้นที่ให้มีแหล่งใกล้ชิดธรรมชาติ อาทิ น้ำตก ภูเขา ทะเล ฯลฯ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตามความเหมาะสม และธุรกิจ Camping คนที่ให้ความสนใจจะมีไลฟ์สไตล์ที่ชอบความลุย ๆ สามารถกางเต็นท์เองได้ และชอบไปกับกลุ่มเพื่อนจำนวนมาก

เริ่มต้นธุรกิจแคมป์ปิ้ง-ลานกางเต็นท์ยังไง??

ศึกษาหาพื้นที่ตั้งสำหรับลานกางเต็นท์

เริ่มต้นจากการวิเคราะห์ห์ข้อมูลของพื้นที่นั้น ๆ ว่ามีจุดเด่นตรงไหนบ้างที่จะทำให้คนสนใจ เช่น บรรยากาศ สภาพอากาศ และวิวทิวทัศน์โดยรอบ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนในเมืองใหญ่รัศมีไม่เกิน 150 กิโลเมตรนับจากลานกางเต็นท์ หากดูภาพรวมตรงนี้เรียบร้อยแล้วก็เริ่มศึกษาเรื่องกฎหมาย และความเสี่ยงควบคู่ไปด้วยถึงจะดีที่สุด

เริ่มออกไปตั้งแคมป์ปิ้งด้วยตัวเอง

การออกไปแคมป์ปิ้งด้วยตัวเองจะสามารถพูดคุย และเรียนรู้ถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนว่ามีไลฟ์สไตล์แบบไหน ซึ่งความชอบของแต่ละกลุ่มจะแตกต่างกันออกไป บางคนก็ชอบมากับกลุ่มเพื่อน บางคนก็มากับครอบครัว โดยข้อมูลในส่วนนี้สามารถเก็บกับไปวิเคราะห์ และต่อยอดกับธุรกิจแคมป์ปิ้งตัวเองในอนาคตได้เช่นกัน

เรียนรู้มาตรฐานลานกางเต็นท์ของกรมการท่องเที่ยว

กรมการท่องเที่ยวจะเป็นหน่วยงานที่ตรวจประเมิณมาตรฐานลานกางเต็นท์ของคุณ โดยสิ่งที่กรมการท่องเที่ยวจะต้องพิจารณามี 5 ข้อดังนี้

  1. ลักษณะของพื้นที่
  2. สิ่งอำนวยความสะดวก
  3. การบริหาร และการจัดการ
  4. กิจกรรม และการเรียนรู้
  5. การมีส่วนร่วมของชุมชน
    หากผ่านการประเมิน 5 ข้อดังกล่าวแล้ว คุณจะได้เอกสารรับรอง และสัญลักษณ์ “ช้างชูวงเริงร่า” ซึ่งเป็นสัญลักษณะของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยมีความหมายว่า ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ สะอาด เป็นธรรม และมีเอกลักษณ์ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ และเชื่อถือลานกางเต็นท์ของเรามากขึ้นอีกเท่าตัว

เขียนโมเดลธุรกิจ

มาถึงการเริ่มต้นธุรกิจอย่างจริงจังแล้ว การเขียนโมเดลธุรกิจคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เรามองเห็นภาพมากขึ้นก่อนจะลงมือทำจริง โดยโมเดลธุรกิจจะแบ่งออกเป็น 10 ข้อหลัก ๆ

  1. พันธมิตร
  2. กิจกรรม
  3. ต้นทุน
  4. ทรัพยากร
  5. จุดขายที่ไม่เหมือนใคร
  6. กลุ่มลูกค้ากลุ่มไหน
  7. พันธมิตร
  8. เซอร์วิส
  9. กิจกรรมน่าดึงดูด
  10. ที่มาของรายได้
    เมื่อตอบคำถามกับตัวเองได้ครบทุกข้อแล้วก็สามารถเริ่มวางงบประมาณการลงทุน รวมถึงเตรียมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่เริ่มธุรกิจไปแล้ว

เริ่มออกแบบลานกางเต็นท์เอง

เมื่อเริ่มเก็บข้อมูลสำหรับลานกางเต็นท์อื่น ๆ ครบแล้ว ก็มาถึงที่เราจะต้องลงมือออกแบบลานกางเต็นท์ของเราสักที ดังนั้นเราจะเล็งเห็นความต้องการของลูกค้าในตลาดส่วนใหญ่พอสมควร ซึ่งเราต้องวิเคราะห์มาแล้วว่ากลุ่มลูกค้าที่ต้องการเจาะเป็นลูกค้ากลุ่มไหน และเราอยากได้ลานกางเต็นท์ประเภทใด โดยช่วงเริ่มต้นถ้ามีงบน้อยเราสามารถเขียนแบบเองได้ แต่ถ้าหากใครมีงบมากก็สามารถจ้างสถาปนิกเพื่อออกแบบในขั้นตอนเหล่านี้ หลังจากได้แบบที่ชอบแล้วเราก็สามารถเริ่มปรับพื้นที่ลานกางเต็นท์ให้เหมาะสมเพื่อให้สะดวกมากที่สุดต่อลูกค้าที่จะมาเข้าพัก

สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลานกางเต็นท์

สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องน้ำแยกชาย – หญิง ระบบไฟจุดต่อปลั๊กไฟในลานกางเต็นท์ ระบบน้ำ เสาขยายคลื่น และที่จอดรถ ถือเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการลานกางเต็นท์ของเรามากยิ่งขึ้น เพราะการมากางเต็นท์ถือเป็นการมาพักผ่อนนอกสถานที่อีกอย่างหนึ่ง เมื่อสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอต่อการใช้งานก็จะทำให้ลูกค้าแฮปปี้ และสามารถบอกต่อเพื่อน ๆ ให้มาใช้บริการลานกางเต็นท์ของเราเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

สร้างความสัมพันธ์กับชุมชนใกล้เคียง

สำหรับใครที่อยากสร้างธุรกิจแคมป์ปิ้งที่นอกจากจะคำนึงถึงปัจจัยภายในแล้ว ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยภายนอกอีกด้วยอย่างเป็นมิตรกับกลุ่มชุมชนใกล้เคียงเพื่อส่งเสริมธุรกิจของเรา อีกทั้งยังต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปด้วย เพราะไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนในปัจจุบันมีไลฟ์สไตล์การรักษ์โลกเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการดูแลเรื่องขยะ มลพิษต่าง ๆ ความจัดการให้มีระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อจะทำให้ไม่ไปรบกวนสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ และกลุ่มชุมชนรอบข้างอีกด้วย

วางแผนการตลาด

การโปรโมต หรือ การทำการตลาดจะเพิ่มจำนวนคนมาเข้าพักได้มากขึ้น โดยเทคนิคที่ OfficeMate อยากมาแนะนำคือ
● เปิดการจองแบบออนไลน์ : เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้คนปัจจุบันเข้าถึงง่ายมากขึ้น ซึ่งอาจจะต้องมีเพจเฟสบุคเพื่อรองรับในการจองที่สะดวก รวดเร็ว และช่วยโปรโมทลานกางเต็นท์ของเราเพื่อให้คนเห็นบรรยากาศ และดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น
● กำหนดราคาเข้าพักให้ชัดเจน : การกำหนดราคาการเข้าพักที่มีสิ่งสำคัญที่ทำให้คนอยากมาเข้าพัก ซึ่งผู้ประกอบการควรระบุราคาการเข้าพักอย่างชัดเจนไม่เป็นตัวเลขที่กำกวม เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ และสนใจจะมากเข้าพักที่ลานกางเต็นท์ของเรา
● ถ่ายภาพลานกางเต็นท์สวย ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า : ต้องบอกก่อนเลยว่าการมีภาพสวย ๆ ทำให้ลูกค้าได้เห็นภาพบรรยากาศจริง และทำให้ลูกค้านั้นได้จินตนาการไปกับการมองภาพลานกางเต็นท์ของเรา ดังนั้นเราควรจะทำภาพให้มีโทนสีที่น่ามองเพื่อสร้างความสนใจให้ลูกค้ามาเข้าพัก
● มีโปรโมชัน หรือส่วนลดสำหรับลูำค้าใหม่ : การทำส่วนลดต่าง ๆ เป็นการสร้างฐานลูกค้าให้มากเข้าพักเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยดึงดูดลูกค้าให้สนใจเป็นอย่างมาก
● รีวิวดี ๆจากผู้ที่มาเข้าพักจริง : เชื่อว่าหลายคนก่อนไปเข้าพักที่โรงแรม รีสอร์ท หรือลานกางเต็นท์ไหน ๆ หนึ่งสิ่งที่ลูกค้าจะดูคือรีวิว เพราะการมีรีวิวแสดงถึงกลุ่มคนที่ได้ไปเข้าพักแล้วจริง ๆ ดังนั้นอาจมีลูกค้าส่วนใหญ่ตามมาจากรีวิวนั้น ๆ ได้

เปิดลานกางเต็นท์ได้เลย

เมื่อเราได้เช็คความเรียบร้อยของทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น แล้วทำครบตรงตามทุกข้อก็สามารถเปิดลานกางเต็นท์ของคุณได้เลย เมื่อเปิดแล้วผู้ประกอบการจะเห็นภาพมากขึ้น และเริ่มเข้าใจว่าส่วนไหนที่ต้องปรับปรุงแก้ไข คุณก็สามารถพัฒนาลานกางเต็นท์ของคุณได้เพิ่มเติมหลังจากที่ทำเสร็จ

Check list อุปกรณ์แคมป์ปิ้งต้องมีอะไรบ้าง?

  1. เต็นท์ : ขึ้นชื่อว่าไปแคมป์ปิ้งสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ เต็นท์ ซึ่งการเลือกเต็นท์ต้องคำนึงถึงการใช้งานจริง สามารถทนสภาพอากาศทั้งลม และฝนได้ มีความแข็งแรง ยืดง่ายไม่ว่าจะเป็นเต็นท์แคนวาส เต็นท์ผ้าใบ และอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งนั้นอาจขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ไป น้ำหนัก
  2. ผ้ายางปูรองเต็นท์ และฟรายชีส : มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นเต็นท์เปียกน้ำ และสามารถปรับระดับผิวดินให้เรียบเวลานั่ง หรือนอน
  3. ถุงนอน : เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องพกไปสำหรับการไปแคมป์ปิ้ง เพราะถุงนอนจะช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายในขณะนอนหลับ และการเลือกถุงนอนนั้นต้องประหยัดพื้นที่เพราะสามารถพับเก็บได้ รวมถึงสามารถรักษาอุณหภูมิของร่างกายได้อย่างพอดี
  4. เก้าอี้สนาม : เป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกเวลานั่งดูวิวทิวทัศน์ หรือจิบน้ำเย็น ๆ แต่การเลือกเก้าอี้สนามนั้นต้องคำนึงถึงวัสดุ และความทนทาน ให้สามารถรองรับน้ำหนักคนนั่งได้ดี
  5. โต๊ะปิกนิก : อุปกรณ์สำคัญที่สำหรับจัดโต๊ะอาหาร โดยเน้นขนาดกระทัดรัด พับเก็บง่าย แต่มีความแข็งแรงสูง
  6. กระติกเก็บความเย็น : เอาไว้แช่น้ำแข็งสำหรับกินดื่มในช่วงค่ำ และเก็บอาหารสดที่จะทำทานกันสำหรับมื้ออาหาร
  7. ไฟ : เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าการไปแคมป์ปิ้งไม่มีดวงไฟรองรับสำหรับเต็นท์นั้น ๆ แต่จะมีเพียงแค่จุดเชื่อมไฟเพียงเท่านั้น ดังนั้นควรเตรียมอุปกรณ์ให้แสงสว่างไป หลอดไฟ LED ขนาดเล็ก ไฟฉาย เป็นต้น เพื่อช่วยในการมองเห็น และให้ความปลอดภัยขณะทำกิจกรรมอยู่บริเวณเต็นท์ของตัวเอง
  8. ชุดปฐมพยาบาล : ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่ควรมีเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน อาทิ แอลกอฮอล์ล้างแผล ยาดม ยาหม่อง ยาแก้ปวด ยาแก้ท้องเสีย สเปรย์กันยุง เพราะในขณะที่เราไปแคมป์ปิ้งในสถานที่ตากต่าง ๆ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง อีกทั้งลานกางเต็นท์ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ธรรมชาติมากที่สุด
  9. เสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศ : สำหรับการเลือกเสื้อผ้าควรใส่ที่ทะมัดทะแมง มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถระบายกาศได้ดี อีกทั้งยังต้องพกเสื้อกันฝน เสื้อกันหนาวไปด้วยแต่ก็ควรเอาไปที่พอดี สะดวกต่อการพกพาไม่ให้เป็นภาระต่อการเดินทาง

มาถึงตรงนี้แล้วหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่คิดจะทำธุรกิจลานกางเต็นท์กันได้มากพอสมควร และถ้าหากสนใจอุปกรณ์แคมป์ปิ้งราคาพิเศษพร้อมโปรโมชั่นดีๆมากมายเพื่อนำไปอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของคุณสามารถสั่งซื้อที่ OfficeMate Online ได้เลย