การทำธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องใช้เอกสารสำคัญหลายชนิด และเอกสารสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกคนควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็คือ “ใบเสนอราคา” เพราะเป็นเอกสารที่อาจกำหนดความสำเร็จของการปิดการขายได้ บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของใบเสนอราคาอย่างครบถ้วน ไปดูกันเลย!

Table of Contents

ใบเสนอราคา คือเอกสารอะไร?

ใบเสนอราคา หรือ ใบ quotation คือ เอกสารทางธุรกิจที่ฝ่ายผู้ขายจัดทำขึ้นเพื่อแจ้งรายละเอียดครบถ้วนเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่จะนำเสนอให้ลูกค้า พร้อมระบุราคาและเงื่อนไขต่างๆ อย่างชัดเจน

เอกสารประเภทนี้มักออกหลังจากการพูดคุยเบื้องต้นกับลูกค้าเสร็จสิ้นแล้ว 

และถือเป็นเอกสารสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยใบเสนอราคาที่ดีจะต้องมีข้อมูลครบถ้วน ทั้งรายละเอียดสินค้า ราคา จำนวน วิธีการชำระเงิน และหมายเหตุสำคัญต่างๆ

ทำไมใบเสนอราคาถึงสำคัญกับธุรกิจ?

ใบเสนอราคา สำคัญอย่างไร

สงสัยไหมว่าทำไมธุรกิจถึงพลาดโอกาสสำคัญ? คำตอบอยู่ที่ ‘ใบเสนอราคา’! มาดูกันว่าเอกสารนี้มีความสำคัญกับธุรกิจอย่างไร?

1. เป็นเครื่องมือเปรียบเทียบของลูกค้า

ในกระบวนการจัดซื้อ โดยเฉพาะสินค้าที่มีมูลค่าสูง ลูกค้ามักจะขอใบเสนอราคาจากผู้ขายหลายรายเพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน การมีใบเสนอราคา quotation ที่ชัดเจนและครบถ้วนจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

2. ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิง

ใบเสนอราคาทำหน้าที่เป็นเอกสารอ้างอิงสำคัญที่บันทึกข้อมูลผลิตภัณฑ์ ราคา เงื่อนไขการชําระเงิน  และรายละเอียดอื่นๆ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าราคาที่ตกลงกันตรงกับที่เปิดบิลจริงหรือไม่

3. สร้างความเชื่อมั่นให้ธุรกิจ

สำหรับธุรกิจใหม่หรือ SME การเขียนใบเสนอราคาที่เป็นมืออาชีพจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร โดยเฉพาะเมื่อทำธุรกิจกับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่หรือโปรเจกต์ระยะยาว การมีเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วนแสดงถึงความเป็นมืออาชีพของบริษัท

4. เป็นหลักฐานทางกฎหมาย

แม้ว่าใบเสนอราคาจะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายโดยตรงเหมือนสัญญา แต่เมื่อมีการลงนามจากทั้งสองฝ่ายแล้ว เอกสารนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาในกรณีที่เกิดข้อพิพาทได้

องค์ประกอบสำคัญของใบเสนอราคาที่ดี

ใบเสนอราคา องค์ประกอบ

การทำใบเสนอราคาที่ดีต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนดังนี้:

1. ส่วนหัวเอกสาร (Header)

ส่วนบนสุดของเอกสารที่ต้องมีข้อมูลครบถ้วน:

  • ใส่คำว่า “ใบเสนอราคา / Quotation” เพื่อระบุประเภทเอกสารอย่างชัดเจน
  • โลโก้บริษัท สร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์แบรนด์
  • ข้อมูลผู้ขาย – ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เบอร์โทรศัพท์
  • ข้อมูลผู้ซื้อ – ชื่อลูกค้า ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
  • เลขที่ใบเสนอราคา สำหรับอ้างอิงและตรวจสอบ
  • วันที่ออกเอกสาร และ ระยะเวลาที่ใช้ได้ (อายุของใบเสนอราคา)
  • เลขอ้างอิงเอกสาร (ถ้ามี) เช่น เลขที่ใบสั่งซื้อหรือ PO

2. ส่วนรายละเอียดสินค้า/บริการ (Body)

ส่วนกลางที่แสดงในรูปแบบตารางเพื่อความชัดเจน ควรมี:

  • ลำดับ/รหัสสินค้า เพื่อความสะดวกในการอ้างอิง
  • รายละเอียดสินค้า/บริการ อธิบายสั้นๆ แต่ครบถ้วน
  • จำนวนและหน่วย ระบุให้ชัดเจน
  • ราคาต่อหน่วย และ ราคารวม
  • ราคาก่อนภาษี และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  • ราคาสุทธิรวมภาษี เป็นยอดเงินที่ต้องชำระจริง
  • หมายเหตุ (ถ้ามี) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสำคัญ

3. ส่วนท้ายเอกสาร (Footer)

ส่วนล่างสุดที่จำเป็นสำหรับการยืนยัน:

  • เงื่อนไขการชําระเงิน ใบเสนอราคา – ระบุวิธีการชำระ ระยะเวลาให้เครดิต หรือเงื่อนไขพิเศษ
  • ช่องลงนามผู้ขาย พร้อมวันที่
  • ช่องลงนามผู้ซื้อ พร้อมวันที่ เพื่อยืนยันการตกลง
  • ข้อมูลการติดต่อ เช่น เบอร์โทร อีเมล Line ID
  • เงื่อนไขและข้อตกลงอื่นๆ ที่สำคัญ

วิธีการเขียนใบเสนอราคาอย่างมืออาชีพ

เขียนใบเสนอราคาให้ปิดการขายได้ทันที! เผยขั้นตอนและเทคนิคที่จะทำให้คุณได้งานและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจแบบมืออาชีพ

1. เลือกใช้เทมเพลตมืออาชีพ

การเขียนใบเสนอราคาควรเริ่มจากการมีเทมเพลตที่ดี มีดีไซน์สวยงาม อ่านง่าย และสะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ ปัจจุบันมีโปรแกรมบัญชีออนไลน์หลายตัวที่มีฟีเจอร์ออกใบเสนอราคาได้สะดวกและรวดเร็ว

2. ใส่ใจรายละเอียด

ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องทุกครั้ง โดยเฉพาะ:

  • ชื่อลูกค้าและที่อยู่
  • รายละเอียดสินค้า/บริการ
  • ราคาและการคำนวณ
  • เลขที่ใบเสนอราคา
  • วันที่และระยะเวลาที่ใช้ได้

3. ใช้ภาษาที่ชัดเจน

หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เทคนิคที่ยากเกินไป อธิบายข้อมูลให้เข้าใจง่าย และระบุเงื่อนไขต่างๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเงื่อนไขการชําระเงิน ใบเสนอราคาที่ดีต้องเขียนให้ลูกค้าเข้าใจได้ทันที

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับใบเสนอราคา (Quotation) ได้ที่นี่: https://www.peakaccount.com/blog/accounting/business-document/accounting-quotation

ห้ามพลาด! ข้อควรระวังสำคัญในการออกใบเสนอราคา ที่นักธุรกิจมือใหม่ชอบมองข้าม

ใบเสนอราคา ข้อควรระวัง

อยากให้ ใบเสนอราคา สร้างกำไร ไม่ใช่สร้างปัญหา? เราสรุปข้อควรระวังสำคัญที่จะช่วยให้คุณออกใบเสนอได้อย่างมืออาชีพและมั่นใจ

1. ตรวจสอบความถูกต้อง

ธุรกิจที่ออกใบเสนอราคาบ่อยครั้งอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย ดังนั้นต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่อง:

  • ความถูกต้องของราคาและการคำนวณ
  • ชื่อลูกค้าและรายละเอียดที่อยู่
  • วันที่และระยะเวลาที่กำหนด
  • เงื่อนไขการชำระเงิน

2. ระบุอายุการใช้งาน

ใบเสนอราคาควรระบุระยะเวลาที่ยืนราคาไว้เสมอ เช่น “ราคานี้มีผลถึง 30 วัน” หรือ “ยืนราคาภายใน 15 วัน” เพื่อป้องกันกรณีที่ต้นทุนสินค้ามีการเปลี่ยนแปลง

3. เก็บรักษาเอกสาร

ควรเก็บสำเนาใบเสนอราคาทุกฉบับไว้เป็นหลักฐาน พร้อมจัดเก็บให้เป็นระบบตามเลขที่ใบเสนอราคาเพื่อสะดวกในการค้นหาและอ้างอิง

Q&A รวมทุกคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการออกใบเสนอราคา

มีคำถามเรื่องใบเสนอราคาใช่ไหม? รวมทุก FAQ ที่คุณสงสัยไว้ที่นี่แล้ว! คลิกเดียวจบ ครบทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนออกเอกสาร

1. เมื่อไหร่ควรออกใบเสนอราคา?

ควรออกใบเสนอราคาเมื่อลูกค้าร้องขอ หรือหลังจากพูดคุยตกลงเบื้องต้นเสร็จแล้ว เพื่อใช้เป็นเอกสารยืนยันรายละเอียดและราคาที่ตกลงกัน

2. ใครควรเป็นผู้ออกเอกสาร?

ใบเสนอราคาสามารถออกโดยพนักงานขาย ฝ่ายบัญชี หรือผู้ได้รับมอบหมาย แต่ควรมีการลงนามโดยผู้มีอำนาจเพื่อความน่าเชื่อถือ

3. ใบเสนอราคาแบบไหนดี?

ปัจจุบันนิยม ออกใบเสนอราคาออนไลน์ เป็นหลัก เพราะสะดวก รวดเร็ว ส่งให้ลูกค้าได้ทันที และยังปริ้นต์ออกมาเป็นเอกสารจริงได้ถ้าต้องการ

4. ใบเสนอราคา quotation ใช้ได้นานแค่ไหน?

ควรระบุอายุการใช้งานไว้ชัดเจนในใบเสนอราคา เช่น 15-30 วัน เพื่อป้องกันปัญหาราคาเปลี่ยนแปลง

5. ใบเสนอราคา กับ ใบแจ้งหนี้ (Invoice) ต่างกันอย่างไร?

ใบเสนอราคา คือเอกสารบอกราคาเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ส่วน ใบแจ้งหนี้ (Invoice) คือเอกสารที่ส่งไปเรียกเก็บเงินอย่างเป็นทางการหลังจากส่งมอบสินค้าหรือบริการแล้ว

6. เมื่อลูกค้าตกลงแล้วทำอย่างไร?

เมื่อลูกค้าเซ็นยืนยันใบเสนอราคาแล้ว ขั้นต่อไปคือดำเนินการตามข้อตกลง จากนั้นออกใบแจ้งหนี้หรือใบกำกับภาษีเพื่อเรียกเก็บเงิน

ใบเสนอราคาคืออะไร? จัดการง่ายเป็นมืออาชีพกับ PEAK!

ใบเสนอราคาส่วนใหญ่จะออกไปเพื่อแจ้งราคาและรายละเอียดต่าง ๆ ให้ลูกค้าทราบ ก่อนการซื้อขายจะเกิดขึ้นจริง ๆ มันคือการระบุรายละเอียดให้เป็น ลายลักษณ์อักษร และให้คู่ค้าเซ็นรับทราบคล้ายการทำสัญญา

นอกจากนี้ ใบเสนอราคายังมักจะมาพร้อมกับใบแจ้งหนี้หากมีการเรียกเก็บเงินทันที และที่สำคัญที่สุดคือเอกสารนี้สามารถใช้เป็น หลักฐานทางกฎหมาย ได้ ดังนั้นควรรักษาให้ดีตามระยะเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า OFM!

สำหรับลูกค้า OfficeMate (OFM) ที่ต้องการจัดการเอกสารและบัญชีอย่างมืออาชีพ เรามีตัวช่วย!

PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ คือตัวช่วยที่ทำให้การออกใบเสนอราคา บัญชี การเงิน และภาษีเป็นเรื่องง่ายและ อัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ (AI, API) PEAK ช่วยให้คุณสามารถออกใบเสนอราคาได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านมือถือ รวดเร็ว น่าเชื่อถือ 

และส่งให้ลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที ทำให้ธุรกิจของคุณดูเป็นมืออาชีพและจัดเก็บเอกสารได้อย่างปลอดภัยเป็นระบบ

พิเศษ: ลูกค้า OFM ทดลองใช้ฟรี 30 วัน พร้อม ส่วนลดพิเศษ เมื่อสมัครแพ็กเกจรายปี!

ให้ PEAK เป็นหลังบ้านดิจิทัลที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณ จัดการได้อย่างมืออาชีพ!

ลงทะเบียนรับสิทธิ์: https://bit.ly/46bdf9B

0 CommentsClose Comments

Leave a comment