จากรายงานข่าว สำนักงานปรมาณูได้รับแจ้งเหตุกรณีวัสดุกัมมันตรังสีสูญหายจากสถานประกอบการทางรังสีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 304 อ. ศรีมหาโพธิ จ. ปราจีนบุรี ก่อนจะมีการแถลงข่าวเรื่องวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 สูญหายต่อมา
กรณีดังกล่าวทำให้ผู้คนตระหนักถึงอันตรายจากสารเคมีที่ใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าซีเซียม-137 มีผลเสียร้ายแรงอย่างไรเมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกาย และแนวทางการป้องกันเมื่อซีเซียมเกิดการฟุ้งกระจาย
บทความนี้ OfficeMate มีคำแนะนำดี ๆ มาฝาก เพื่อทำความเข้าใจ และร่วมกันส่งต่อแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องให้กับเพื่อน ๆ กัน
ทำความรู้จัก! ซีเซียม 137 คืออะไร
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ระบุว่า ซีเซียม-137 (Caesium-137) มีค่าครึ่งชีวิต 30.08 ปี มีลักษณะเป็นของแข็งคล้ายผงเกลือ สามารถฟุ้งกระจายได้เมื่อแตกออกจากแคปซูลที่ห่อหุ้มไว้ โดยมีกลไกการสลายตัวแบบบีตา และแกมมาก่อนกลายสภาพไปเป็นธาตุแบเรียม-137 (Ba-137)
ประโยชน์คือสามารถนำไปใช้ในโรงงานได้ และยังเป็นเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคมะเร็งอีกด้วย
จะเป็นอย่างไรเมื่อ ซีเซียม – 137 เข้าสู่ร่างกาย
ผู้ที่สัมผัสกับผงซีเซียม-137 นั้น อาจได้รับซีเซียม-137 เข้าไปในร่างกายได้หลายช่องทาง
- ผ่านทางผิวหนังที่มีบาดแผล
- ผ่านสูดดม หรือการหายใจ
- ผ่านการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน
เมื่อ ซีเซียม เข้าสู่ร่างกายจะไปสะสมอยู่ในเนื้อเยื่ออ่อน (SOFT TISSUE) ของอวัยวะต่าง ๆ และแผ่รังสีให้แก่อวัยวะเหล่านี้ ผลเสียต่อมาคือความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งของอวัยวะที่ซีเซียม-137 นั้นเข้าไปสะสมอยู่ ซึ่งหากได้รับการแผ่รังสีเป็นระยะเวลาสั้น ๆ จะไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายที่เห็นผลชัดเจนในทันที
แต่ในกรณีที่ได้รับปริมาณรังสีต่อเนื่องเป็นปี อาจทำให้มีอาการผิวหนังแสบร้อน มีผื่นแดงคล้ายน้ำร้อนลวกหรือโดนไฟไหม้ และอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ ส่วนใครที่มีอาการ ไข้ขึ้น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ถ่ายเหลวกว่า 2 ครั้ง หนาวสั่น ผิวหนังพุพอง มีเลือกออกที่ใดที่หนึ่งภายใน 7 วันหลังโดนรังสี หรือมีอาการชักเกร็ง ให้รีบพบแพทย์ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วน หรือติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
แนวทางป้องกันสารเคมี หรือ ซีเซียม เข้าสู่ร่างกาย
OfficeMate แนะนำว่าควรศึกษาแนวทางการป้องกันสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย ไม่ต้องรอให้เสี่ยง หรือสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีเสียก่อน ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ ซีเซียม-137 เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสารเคมีชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ในโรงงานด้วยเช่นกัน โดยมีแนวทางดังนี้
- ควรสวมใส่ชุดหรือใช้ อุปกรณ์โรงงานได้มาตรฐาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะปฏิบัติงาน
- ควรเปลี่ยนหน้ากากกันสารเคมี อย่างน้อย 8 ชม. ไม่ควรปล่อยให้ประสิทธิภาพการหายใจลดลง รวมถึงชุดอุปกรณ์เซฟตี้อื่น ๆ ด้วย เช่น รองเท้านิรภัย ชุดหมี แว่นตานิรภัย เป็นต้น
- ควรทำความสะอาด หรือฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทุกครั้งหลังใช้เสร็จ
สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง สามารถทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจได้รับการแผ่รังสีจาก ซีเซียม เข้าสู่ร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารกัมมันตรังสี หรือกล่องเหล็กต้องสงสัย และห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่เสี่ยง
- ไปลงทะเบียนผู้สัมผัสสารกัมมันตรังสียังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ควรล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำ
- ลดการปนเปื้อนโดยอาบน้ำ สระผม ล้างตาให้น้ำไหลผ่านจากหัวตาไปหางตา และเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
- รวบรวมสิ่งของหรือเสื้อผ้าที่คาดว่าอาจมีการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสี แล้วส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
- ติดตามข้อมูลสถานการณ์ และปฏิบัติตามประกาศอย่างเคร่งครัด
OfficeMate หวังว่าเจ้าหน้าที่จะเจอซีเซียม-137 ได้ในเร็ววัน และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือผลกระทบจากวัตถุอันตรายชิ้นนี้ แต่หากคุณพบเห็นวัตถุต้องสงสัย หรือวัสดุที่มีลักษณะคล้ายซีเซียม-137 โปรดหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือใกล้ชิด และควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสายด่วนแจ้งเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีที่เบอร์ 1296
บทความที่เกี่ยวข้อง
- จะทำงานในโรงงานอย่างปลอดภัย ต้องสวมอะไรบ้าง?
- รวม ‘ป้ายเตือน’ ที่จำเป็นต้องมีในโรงงาน
- 8 อุปกรณ์เซฟตี้จำเป็นต้องมีในโรงงาน เพื่อการทำงานอย่างปลอดภัย
อ้างอิง: สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ, กรมควบคุมโรค และศูนย์รักษาพิษสารเคมีอันตรายภาคตะวันออก