มนุษย์เงินเดือนทุกคนหรือคนทุกคนต่างมีเป้าหมายในการหาเงินเป็นของตัวเอง ว่าหาเงินมาแล้วเราจะนำไปทำใช้กับอะไร? แน่นอนว่า 1 ในเป้าหมายที่สำคัญหรือใหญ่ที่สุดสำหรับคนทุกคนคืออยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง สำหรับบางคนอาจจะเลือกบ้านเพราะ บ้านนั้นมีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า กว้างขวาง สะดวกสบาย ส่วนตัว และสามารถอยู่ได้เป็นครอบครัว แต่สำหรับบางคนนั้นอาจจะชอบแบบคอนโดมากกว่าเพราะบ้านนั้นราคาสูง คอนโดมีสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย มีนิติบุคคลช่วยดูแลในเรื่องการดำเนินการหรืออำนวยความสะดวกต่างๆ อีกทั้งยังเดินทางสะดวกเพราะคอนโดส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองหรือพื้นที่ที่ใกล้กับรถสาธารณะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือ คอนโด การที่เราจะซื้อหลังแรกของเรานั้น เราต้องมีการศึกษาข้อมูล วางแผนเตรียมความพร้อมอย่างรอบครอบมากที่สุด เพื่อที่จะทำให้การซื้อบ้านหรือคอนโดหลังแรกของเรานั้นดำเนินการไปอย่างสำเร็จและราบรื่นมากที่สุด

โดยปกตินั้นมนุษย์เงินเดือนจะรายได้น้อย หรือ เงินลงทุนยังไม่มากนัก เราจึงต้องศึกษาข้อมูลและวางแผนเตรียมความพร้อมให้รอบครอบก่อน โดยการเตรียมความพร้อมก่อนซื้อบ้านหรือคอนโดหลังแรกของมนุษย์เงินเดือนนั้นต้องพิจารณาดังนี้

1.สำรวจฐานะการเงินของตัวเองว่าตอนนี้เรามีเงินสำหรับการซื้อบ้านหรือคอนโดอยู่ที่เท่าไหร่ สามารถซื้อบ้านหรือคอนโดด้วยเงินสดได้เลยรึป่าวเพราะการซื้อบ้านหรือคอนโดเงินสดนั้นสามารถช่วยลดภาระ ไม่สร้างหนี้สินหรือดอกเบี้ยให้เราในระยะยาว แต่น้อยคนนักที่จะมีเงินก้อนสำหรับซื้อบ้านหรือคอนโดด้วยเงินสด ดังนั้นถ้าเราไม่สามารถที่จะซื้อบ้านหรือคอนโดด้วยเงินสดได้ เราจึงต้องเตรียมความพร้อมในการชำระหนี้ ดอกเบี้ยในทุกๆเดือนเป็นจนครบกำหนด ดังนั้นเราจึงควรมีฐานะการเงินที่มั่นคง ไม่รบกวนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือในส่วนอื่นๆ

2.สำรวจบ้านหรือคอนโดที่เราต้องการจะซื้อ หลายๆคนอาจจะกำลังลังเลว่าจะเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดดี โดยการตัดสินใจนั้นเรจะาต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ทำเล บ้านหรือคอนโดที่มีทำเลอยู่ในเมือง ติดรถไฟฟ้า ก็จะมีราคาแพงกว่าบ้านหรือคอนโดในชานเมือง เราต้องพิจารณาจากวิถีชีวิตของเราว่าแบบไหนจะตอบโจทย์เรามากที่สุดอย่างเช่น การเดินทาง ถ้าเราทำงานในเมืองแล้วซื้อบ้านอยู่ที่ชานเมือง เราจะต้องเสียเวลา เผื่อเวลาในการเดินทาง ค่าเดินทาง หรือค่าน้ำมันในปัจจุบันนั้นก็มีราคาค่อนข้างสูง นอกจากนี้จำนวนสมาชิกในครอบครัวก็เป็นปัจจัยสำคัญในการที่เราจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ที่อยู่อาศัยนั้นต้องสามารถรองรับสมาชิกในครอบครัวของเราได้ ถ้าอยู่เป็นครอบครัวนั้นการซื้อคอนโดอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัย หรือครอบครัวไหนที่เลี้ยงสัตว์ แม้แต่ความคุ้มค่าในการลงทุนก็เป็นสิ่งที่เราควรคำนึงถึงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโด

ทำเลของบ้านหรือคอนโด
ทำเลนั้นถือว่าเป็นปัจจัยหลัก ในการตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโด เพราะเมื่อเราตัดสินใจซื้อแล้วนั้นโอกาสที่จะย้ายถิ่นฐานหรือซื้อใหม่อีกครั้งก็คงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นถ้าเราเลือกทำเลที่อยู่อาศัยที่สามารถอำนวยความสะดวกสบายให้แก่เราได้ ทั้งอาหาร การเดินทาง อยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า ตลาด ร้านสะดวกซื้อโรงเรียน โรงพยาบาล ก็จะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นบ้าน มักจะอยู่บริเวณชานเมือง ตอบโจทย์เรื่องความสงบ เป็นส่วนตัว ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัว คู่รักแต่งงาน กำลังวางแผนขยับขยายครอบครัวแต่ถ้าในเรื่องของความสะดวกสบายการเดินทางอาจจะต้องยอมเสียเวลาในจุดนี้ หรือบ้านที่อยู่ในตัวเมืองนั้นก็จะมีราคาที่สูงมากๆ ส่วนคอนโดมักอยู่ทำเลใจกลางเมือง ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆทั้ง การเดินทาง สถานศึกษา และรถไฟฟ้า ถือว่าคอนโดนั้นตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือน หนุ่มสาวออฟฟิศ นักศึกษา และกลุ่มนักลงทุนเพราะถ้าเรามีคอนโดอยู่ในเมือง จะทำให้ง่ายต่อการปล่อยเช่าหรือขายต่อในราคาที่ดีในอนาคตเพราะอยู่ในทำเลที่สะดวก

พื้นที่ใช้สอยของบ้านหรือคอนโด
เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คนคิดจะซื้อบ้านนั้นให้ความสำคัญ เพราะถ้าคุณจะอยู่เป็นครอบครัว มีสัตว์เลี้ยงนั้นจะต้องการบ้านหรือทาวน์โฮม ที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าคอนโดอย่างเช่นมีที่จอดรถโดยสามารถจอดได้1-4คัน ส่วนคอนโดนั้นจะมีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนักอย่างเช่นที่จอดรถ คอนโดส่วนใหญ่จะสามารถจอดได้ 1 คันต่อ1 ห้อง/ยูนิต เหมาะสำหรับคนโสด คนทำงาน หรือนักศึกษาที่อยู่คนเดียวหรือไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวจึงไม่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากนัก คอนโดนั้นจะเหมาะกับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายในเมือง

ความปลอดภัยของบ้านหรือคอนโด
ความปลอดภัยนั้นก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัย โดยทั้งบ้านหรือคอนโดนั้นจะมีการตั้งนิติบุคคล เพื่อรักษาความปลอดภัยหรืออำนวยความสะดวกในโครงการ ส่วนรายละเอียดมากน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ

เลี้ยงสัตว์
หากคุณนั้นเป็นกลุ่มคนรักสัตว์เวลาจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดนั้น บ้านสามารถเลี้ยงสัตว์มีพื้นที่ใช้สอยสำหรับสัตว์เลี้ยง ส่วนถ้าเป็นคอนโดนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ บางโครงการสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ถึงจะมีพื้นที่ในห้องไม่มากนัก คอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้นั้นจะมีราคาสูงกว่าคอนโดทั่วไป

ความคุ้มค่าในการลงทุน
การที่เราจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยนั้น คนบางกลุ่มก็จะมองหาแหล่งที่สามารถต่อยอดเป็นการลงทุนได้ในอนาคต ซึ่งถ้าเป็นคอนโดนั้นถือว่าเป็นการลงทุนอสังหาฯที่ได้รับความนิยมสูง เพราะคอนโดที่มีทำเลดีนั้น สามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้มากกว่าบ้าน ยิ่งถ้าเป็นคอนโดในเมืองนั้นก็จะใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น รถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า แหล่งงาน สถานศึกษา หรือโรงพยาบาล

3.คำนึงถึงค่าซ่อมแซม ต่อเติม ตกแต่งบ้าน ตกแต่งคอนโดด้วย เพราะการที่เราจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดหลังแรกนั้น เราต้องตัดสินใจระหว่างบ้าน/คอนโดพร้อมเฟอร์นิเจอร์ หรือ บ้าน/คอนโดเปล่า โดยการตัดสินใจก็ต้องดูว่าบ้าน/คอนโดพร้อมเฟอร์นิเจอร์นั้นมีคุณภาพดีสามารถใช้ได้ในระยะยาว คุ้มกับราคาที่ต้องเสียเพิ่มหรือค่าซ่อมแซมในภายหลังหรือไม่ และสำหรับบ้าน/คอนโดเปล่า ต้องเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์นั้นควรเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์จากแหล่งการขายที่มีคุณภาพ มีการขนส่ง การดูแลหลังการขายและมีประกันรับรอง เพื่อที่หลักจากซื้อไปเวลาเกิดการเสียหายอย่างน้อยก็มีประกันที่สามารถส่งซ่อมหรือเปลี่ยนคืนโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆมากขึ้นอีก

4.วัตถุประสงค์ในการซื้อบ้านหรือคอนโดของเรา เราต้องรู้ก่อนว่าการซื้อบ้านหรือคอนโดของเราครั้งนี้นั้นวัตถุประสงค์คืออะไร? ซื้อเพื่ออยู่อาศัย หรือ ซื้อเพื่อเป็นการลงทุน ปล่อยเช่า ถ้าเรารู้วัตถุประสงค์สำหรับเราแล้วการเตรียมตัววางแผน การเลือกบ้านหรือคอนโดนั้นก็จะแคบลง ถ้าเราซื้อเพื่ออยู่อาศัยนั้น บ้านหรือคอนโดที่เหมาะกับเราจะต้องตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกโดยคำนึงจากวิถีชีวิตเรามากที่สุด แต่ถ้าเราซื้อเพื่อลงทุน ปล่อยเช่านั้น บ้านหรือคอนโดที่เราจะเลือกอาจจะต้องมีทำเลดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อที่จะง่ายต่อการปล่อยเช่า และได้ผลตอบแทนที่ดี

5.การกู้ซื้อบ้านหรือคอนโด เมื่อเราได้บ้านหรือคอนโดที่ถูกใจแล้วขั้นตอนต่อไปที่จะทำให้เราได้บ้านหรือคอนโดนั้นคือการยื่นขอสินเชื่อ ซึ่งวิธีกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดให้ผ่านฉบับชาวออฟฟิศนั้นมีดังนี้

ยื่นขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านกับธนาคารที่หน่วยงานได้ทำข้อตกลงไว้
โดยหน่อยงานส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนนั้นจะทำสัญญาข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับธนาคาร เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับพนักงานของตัวเอง ซึ่งสัญญาข้อตกลงร่วมมือ (MOU) นี้นั้นจะส่งผลดีให้กับพนักงานออฟฟิศในเรื่องของการขอสินเชื่อต่างๆ รวมถึงสินเชื่อกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดด้วย เพราะนอกจากจะช่วยให้ผ่านการพิจารณาได้ง่ายกว่าการขอสินเชื่อจากธนาคารอื่นๆ แล้ว ส่วนใหญ่ยังมีสิทธิพิเศษให้ด้วย ทั้งการอนุมัติวงเงินกู้สูงเกินกว่า 100% การคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือการเพิ่มระยะเวลาผ่อนชำระในระยะยาว

ยื่นขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านกับธนาคารที่ตัวเองได้รับเงินเดือน
นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของการทำงานเป็นพนักงานประจำหรือพนักงานออฟฟิศ ที่จะทำให้ผ่านการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายกว่าคนที่ประกอบอาชีพอิสระ คือ มีเงินเดือนเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ตรงเวลาทุกเดือน เพราะธนาคารส่วนใหญ่มักใช้ประวัติการเดินบัญชี และยอดเงินคงเหลือติดบัญชีเป็นเกณฑ์อันดับต้นๆ ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้กับพนักงานที่มีรายประจำ ดังนั้นการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารที่ตัวเองได้รับเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือน จึงได้รับการพิจารณาเร็วขึ้น เนื่องจากเป็นลูกค้าและมีประวัติทางการเงินกับธนาคารอยู่แล้ว

ยื่นขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านกับธนาคารที่ตัวเองเคยเป็นลูกหนี้มาก่อน
การเป็นหนี้กับธนาคารนั้นไม่ได้มีผลเสียเสมอไปถ้าคุณเป็นลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระที่ดี ส่งเต็มจำนวนหรือขั้นต่ำอย่างสม่ำเสมอและไม่เคยผิดนัดชำระให้กับธนาคาร ถ้าคุณเป็นลูกค้าที่ดีนั้นสามารถส่งผลดีให้กับคุณได้โดยที่ทางธนาคารจะสามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่คุณได้ขอมาได้ไม่ยาก รวดเร็ว และอาจจะได้โปรโมชั่นดีๆในฐานะที่เป็นลูกค้าที่ดีอีกด้วย

เตรียมเอกสารให้พร้อม
โดยการยื่อขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดกับธนาคารนั้นเราต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม มีดังนี้
-บัตรประชาชน
-ทะเบียนบ้าน
-ทะเบียนสมรส
-ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
-หนังสือรับรองเงินเดือน
-สลิปเงินเดือน
-เอกสารรับรองการทำงาน
-หลักฐานแสดงรายได้พิเศษ
-บัญชีเงินฝากธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน โดยบัญชีนี้ก็ควรจะมีเงินคงไว้ในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

โดยเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถยื่นกู้หรือกู้ไม่ผ่านนั้นมีดังนี้
กู้สินเชื่อบ้านและคอนโดไม่ผ่านเพราะหนี้บัตรเครดิต
การเป็นหนี้บัตรเครดิตนั้นจะถูกนำมาคิดรวมเป็นปัจจัยในการพิจารณาในการปล่อยกู้ด้วย หากคุณเป็นคนที่หนี้บัตรเครดิตมากกว่า 40% ของรายได้นั้นก็จะทำให้มีโอกาสในการโดนปฏิเสธสูง

ติดการผ่อนอะไรสักอย่าง
ติดการผ่อนอย่างเช่น ผ่อนรถหรือผ่อนบัตรเครดิตนั้นธนาคารจะนำมาเป็นคิดเป็นรายจ่ายต่อเดือนของเราด้วย หากมีภาระค่าใช้จ่ายเกิน 40% ของรายได้นั้นก็อาจจะทำให้โดนปฏิเสธการขอสินเชื่อได้ง่าย หากคุณไม่สามารถจัดการชำระหนี้ทั้งหมดได้ก็แนะนำให้รีไฟแนนซ์เพื่อทำให้จำนวนเงินผ่อนต่อเดือนนั้นลดลง

ความน่าเชื่อถือของสถานที่ทำงาน
ความน่าเชื่อถือของสถานที่ทำงานนั้นถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเพราะสามารถแสดงความมั่นคงหรือความสามารถในการผ่อนบ้านหรือคอนโดของเราได้ สถานที่ทำงานที่ไม่มั่นคงคือบริษัทที่ขาดการจ่ายภาษี ไม่ส่งประกันสังคม หรือจ่ายเงินเดือนไม่ตรงเวลา

ความมั่นคงทางการงานของเรา
ความมั่นคงทางการงานของเราคือ ธนาคารจะพิจารณาจากถ้าคุณพึ่งย้ายงานและยังไม่ผ่านโปร หรือเปลี่ยนงานบ่อยๆนั้น ธนาคารจะมองว่าเป็นความเสี่ยงอาจส่งผลเกี่ยวกับความสามารถในการผ่อน หรือมองว่าไม่มีความมั่นคงได้

OfficeMate ขอเป็นกำลังใจให้กับมนุษย์เงินเดือนทุกคนที่อยากจะมีบ้าน คอนโดเป็นของตัวเอง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับมนุษย์เงินเดือนทุกคนนะคะ