ในยุคที่ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงเป็นระลอก ๆ ตลอดทั้งปี การดูแลคุณภาพอากาศในบ้านกลายเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กซึ่งมีระบบทางเดินหายใจบอบบางกว่า
การลงทุนในเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กจึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันชิ้นสำคัญเพื่อให้ลูกน้อยได้หายใจอากาศที่สะอาด ปลอดภัย และลดความเสี่ยงต่ออาการภูมิแพ้ ไอ จาม หรือหอบหืดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Key Takeaways
- เลือกเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กต้องคำนึงถึงความปลอดภัยก่อนเสมอ เช่น ไม่ปล่อยโอโซน, เสียงเงียบ, มี Child Lock
- ฟิลเตอร์ HEPA H13 หรือ H14 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับดักจับ PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ และฝุ่นละเอียดที่กระตุ้นอาการแพ้ของเด็ก
- ขนาดห้องสำคัญมาก ควรเลือกเครื่องที่รองรับพื้นที่ใช้งานจริง เพื่อให้ฟอกอากาศได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- โหมด Sleep หรือเสียงเบาเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะช่วยให้เปิดเครื่องขณะเด็กนอนหลับได้โดยไม่รบกวน
- ควรเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้และมีฟิลเตอร์เปลี่ยนง่าย
10 เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กตัวท็อป ใช้งานง่าย ปลอดภัย ซื้อติดบ้านไว้ไม่ผิดหวัง
OFM รวม 10 เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กตัวท็อป ใช้งานง่าย ปลอดภัย ซื้อติดบ้านไว้ไม่ผิดหวัง มอบอากาศบริสุทธิ์เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย ด้วยเครื่องฟอกอากาศที่คัดสรรมาแล้วว่าประสิทธิภาพสูงและใช้งานง่ายที่สุด!
1.เครื่องฟอกอากาศระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ SHARP รุ่น FU-A80TA-W ขนาด 62 ตารางเมตร

เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กสำคัญมากสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญฝุ่น PM2.5 ควัน และสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เครื่องฟอกอากาศ Sharp รุ่น FU-A80TA-W เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับบ้านที่ต้องการคุณภาพอากาศบริสุทธิ์และเหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่
จุดเด่นสินค้า
- รองรับห้องขนาดใหญ่ถึง 62 ตร.ม. เหมาะกับห้องนอน ห้องเล่นเด็ก หรือห้องนั่งเล่นขนาดกลาง-ใหญ่
- แผ่นกรอง HEPA + ระบบกรองกลิ่น ดักจับฝุ่นละออง เส้นผม ไรฝุ่น ขนสัตว์ และสารก่อภูมิแพ้ พร้อมลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี
- มีระบบ “Plasmacluster Ion / Ion Shower” เสริม ช่วยฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และลดกลิ่นอับ ทำให้อากาศในบ้านปลอดภัยยิ่งขึ้น
- เซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นอัตโนมัติ + ไฟแสดงสถานะ (Clean Sign) ช่วยวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ปรับโหมดการทำงานให้เหมาะสมโดยไม่ต้องเฝ้าดูเองตลอดเวลา
- Child Lock & โหมดเสียงเบา เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก ใช้งานได้โดยไม่รบกวนการนอนหรือความปลอดภัยของลูกน้อย
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| รองรับพื้นที่กว้าง (ถึง 62 ตร.ม.) เหมาะกับหลายห้องหรือห้องใหญ่ | ขนาดและน้ำหนัก (ประมาณ 8.1 กก.) อาจกินพื้นที่เล็กน้อย โดยเฉพาะในห้องเล็ก |
| กรองฝุ่น HEPA + ดักกลิ่น + ลดสารก่อภูมิแพ้ได้ครบ | ถ้าห้องเล็กมาก ใช้พลังงานและฟังก์ชันเต็มอาจ “over-spec” เกินความจำเป็น |
| ระบบพ่นไอออน + กรองฝุ่น ช่วยลดเชื้อโรคและกลิ่น เหมาะกับบ้านที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง | ฟังก์ชันพิเศษอาจทำให้ราคาค่าฟิลเตอร์/บำรุงรักษาสูงกว่าเครื่องทั่วไป |
| มีเซนเซอร์วัดฝุ่นอัตโนมัติ และ Clean Sign เพื่อความสะดวก | สำหรับบางบ้าน ที่พยายามลดเสียง/ไฟ/การทำงานอัตโนมัติ อาจต้องตั้งค่าเองเสมอ |
| มี Child Lock และโหมดเสียงเบา เหมาะกับห้องเด็ก | ถ้าใช้งานในห้องที่มีฝุ่นเข้ามาบ่อย อาจต้องเปลี่ยนแผ่นกรองบ่อย (ค่าใช้จ่ายตามระยะ) |
2.เครื่องฟอกอากาศรุ่น MTK-AP04

เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กนั้นมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ห้องที่ลูกอยู่มีอากาศบริสุทธิ์ และลดโอกาสการแพ้ฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เครื่องฟอกอากาศ MASTERKOOL รุ่น MTK-AP04 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับบ้านที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่ครบฟังก์ชัน และเหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กถึงกลาง
จุดเด่นสินค้า
- เหมาะกับห้องขนาด ~25 ตร.ม. MTK-AP04 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในพื้นที่ประมาณ 25 ตารางเมตร เหมาะสำหรับห้องเด็ก ห้องนอน หรือห้องพักขนาดเล็ก-กลาง
- ระบบกรอง 4 ชั้น + HEPA H13 ประกอบด้วย Pre-filter, HEPA Filter, Activated Carbon Filter และ Cold Catalyst/คาร์บอนกรองกลิ่น ช่วยดักจับฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ กลิ่นไม่พึงประสงค์ และก๊าซระเหยได้อย่างครบถ้วน
- ฟังก์ชันฆ่าเชื้อและกรองฝุ่นละเอียด มาพร้อมแสง UV + ระบบ Anion ช่วยฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย เชื้อรา และลดฝุ่นขนาดเล็ก (รวมถึง PM2.5) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- แสดงผลอากาศแบบเรียลไทม์ + ตั้งเวลาปิดได้ มีหน้าจอดิจิทัลแสดงค่า PM2.5 และคุณภาพอากาศ พร้อมฟีเจอร์ตั้งเวลา (Timer) ปิดเครื่องอัตโนมัติ 1–12 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกในการใช้งานในห้องเด็กหรือตอนนอน
- น้ำหนักเบา – เคลื่อนย้ายได้ง่าย ตัวเครื่องมีน้ำหนักประมาณ 4.5 กก. และขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะกับบ้านทั่วไปที่ต้องการวางหลายห้องหรือเคลื่อนย้ายสะดวก
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| กรองอากาศได้หลายขั้นตอน (HEPA + Carbon + Pre-filter + ฆ่าเชื้อ) ลดฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ และกลิ่นได้ครบถ้วน | เครื่องออกแบบสำหรับพื้นที่ ~ 25 ตร.ม. ถ้าใช้ในห้องใหญ่เกินไป อาจไม่พอ |
| ฟังก์ชันฆ่าเชื้อโรค + กรองฝุ่นละเอียด เหมาะกับบ้านที่มีเด็กหรือผู้แพ้ | ถ้าใช้ต่อเนื่องอาจต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง / คาร์บอน / maintenance มีค่าใช้จ่ายระยะยาว |
| แสดงผล PM2.5 และคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ + ตั้งเวลาได้ — ใช้งานสะดวก | ถ้าเปิดโหมดแรงสุด constant อาจเสียงดังหรือใช้พลังงานมากกว่าปกติ |
| ตัวเครื่องกะทัดรัด น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย เหมาะกับห้องทั่วไป | ในห้องที่อากาศถ่ายเทไม่ดี อาจต้องเปิดเครื่องบ่อย ทำให้ต้องเสียค่าไฟมากขึ้น |
| มีระบบกรองกลิ่นและก๊าซ ระเหย ดีสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงหรือควันในบ้าน |
3.เครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น Dust Magnet 5240i

หากคุณกำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก ที่ให้ทั้งความคุ้มค่า ประสิทธิภาพสูง และดีไซน์ที่เข้ากับทุกมุมบ้าน เครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น Dust Magnet 5240i คือหนึ่งในตัวเลือกที่ถูกออกแบบมาเพื่อดูแลคุณภาพอากาศในห้องขนาดเล็ก–กลางได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้ลูกน้อยของคุณได้หายใจอากาศที่สะอาด ปลอดภัย และสดชื่นตลอดวัน
จุดเด่นสินค้า
- เทคโนโลยี DustMagnet ดักจับฝุ่นก่อนตกพื้น ใช้ประจุไฟฟ้าในพรีฟิลเตอร์ช่วยดึงฝุ่นลอยตัวให้ถูกดักจับก่อนฟุ้งกระจาย ช่วยลดฝุ่นผงที่มักลอยต่ำในระดับเดียวกับที่เด็กเล็กหายใจ ทำให้บรรยากาศในบ้านสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ระบบกรอง HEPASilent ผสานแผ่นกรองคุณภาพสูงกับประจุไอออน ช่วยกรอง PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ และมลพิษที่กระตุ้นการไอหรือจามของเด็ก เหมาะกับบ้านที่ต้องการดูแลระบบทางเดินหายใจของลูกเป็นพิเศษ
- ดีไซน์ขนาดกะทัดรัด วางง่ายในทุกห้อง ทรงสูงเพรียว ไม่กินพื้นที่ ทำให้สามารถตั้งในห้องนอนหรือห้องเล่นเด็กได้โดยไม่เกะกะ ช่วยให้พื้นที่ของลูกยังปลอดภัยและเป็นระเบียบ
- ทำงานเงียบมาก เหมาะสำหรับช่วงนอนของเด็ก ระดับเสียงต่ำจนแทบไม่ได้ยิน จึงเหมาะกับการเปิดตอนเด็กนอน โดยไม่รบกวนการพักผ่อน และช่วยให้อากาศสะอาดต่อเนื่องตลอดคืน
- ประหยัดไฟ เปิดได้ทั้งวันโดยไม่กังวลค่าใช้จ่าย ใช้ไฟเพียง 4–22 วัตต์ เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการเปิดเครื่องฟอกอากาศไว้ตลอด เพื่อให้เด็กได้หายใจอากาศบริสุทธิ์อย่างสม่ำเสมอ
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| ดักจับฝุ่น ละออง และสารก่อภูมิแพ้ได้ดี เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กหรือผู้แพ้ฝุ่น | สมรรถนะการฟอกเหมาะกับห้องเล็ก–กลาง (ประมาณ 20-48 ตร.ม.) ถ้าใช้ในพื้นที่ใหญ่เกินไป ประสิทธิภาพอาจลดลง |
| ดีไซน์กะทัดรัด วางง่าย ดูเหมือนเฟอร์นิเจอร์ไม่ทำให้ห้องเด็กหรือห้องนอนดูรกหรือเกะกะ | ถ้าใช้งานในห้องใหญ่ Open-space อาจต้องเครื่องหลายตัวหรือเครื่องที่ใหญ่กว่า |
| เสียงเงียบและกินไฟต่ำ เหมาะกับเปิดในห้องเด็กทั้งวันและตอนนอน | ฟีเจอร์พื้นฐาน ไม่มีระบบกรองแรงพิเศษหรือฟังก์ชันครบเท่ารุ่นพรีเมียม |
| คุ้มค่ากับราคา สำหรับคนต้องการเครื่องฟอกอากาศเด็กแบบมาตรฐาน ไม่เปลืองไฟ | หากมีฝุ่นหนัก ไรฝุ่น กลิ่นแรง หรือควันมาก อาจต้องเพิ่มพัดลมหรือระบบระบายอากาศเสริม |
| ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับพ่อแม่มือใหม่ที่เริ่มใช้เครื่องฟอกอากาศเด็กครั้งแรก | ไส้กรองต้องดูแลและเปลี่ยนตามรอบ ถ้าไม่เปลี่ยนอาจลดประสิทธิภาพลง |
4.DYSON เครื่องฟอกอากาศ รุ่น BP03 Nk/Bu สีน้ำเงิน ขนาด 100 ตร.ม.

DYSON BP03 คือหนึ่งในเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กที่ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพการฟอกอากาศ ดีไซน์พรีเมียม และความสามารถในการดูแลพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง จึงเหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการ เครื่องฟอกอากาศเด็ก ที่ช่วยให้ลูกน้อยหายใจได้สะอาดยิ่งขึ้น
จุดเด่นสินค้า
- รองรับพื้นที่สูงสุด 100 ตร.ม. เหมาะสำหรับบ้านที่มีห้องโถงใหญ่หรือพื้นที่โอเพ่น ทำให้ฟอกอากาศได้ครอบคลุม แม้ในบ้านที่เด็กวิ่งเล่นหลายโซนก็ยังได้รับอากาศสะอาดทั่วถึง
- ฟิลเตอร์ HEPA H13 กรองฝุ่น 99.95% ดักจับฝุ่น PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ และอนุภาคเล็กถึง 0.1 ไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับเด็กที่มีอาการแพ้หรือระบบทางเดินหายใจบอบบาง โดยเฉพาะทารกและเด็กเล็ก
- เชื่อมต่อแอป MyDyson ได้แบบเรียลไทม์ พ่อแม่สามารถดูค่าฝุ่น คุณภาพอากาศ และสถานะไส้กรองได้ตลอดเวลา สะดวกในการควบคุมเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กโดยไม่ต้องเข้าไปเปิดเครื่องใกล้เด็กโดยตรง
- ฟิลเตอร์ใหญ่ขึ้น 4 เท่า อายุใช้งานสูงสุด 5 ปี ลดความถี่ในการเปลี่ยนฟิลเตอร์ เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องฟอกอากาศต่อเนื่องเพื่อดูแลเด็กเล็กที่อยู่บ้านเป็นเวลานาน
- เสียงเงียบแม้ในโหมดแรง สามารถเปิดทิ้งไว้ขณะเด็กนอนหลับได้โดยไม่รบกวน เหมาะกับการใช้งานกลางคืนหรือช่วงที่ต้องการความเงียบ
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างมาก เหมาะกับบ้านที่มีห้องโล่งและเพดานสูง | ราคาสูงกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไปในตลาด |
| ระบบกรองละเอียดหลายชั้น ดักจับได้ทั้งฝุ่น กลิ่น และมลพิษต่าง ๆ มีประโยชน์โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กแพ้ง่ายหรือเป็นภูมิแพ้ | ราคาฟิลเตอร์อะไหล่และค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูง เหมาะกับคนที่พร้อมลงทุนระยะยาวมากกว่า |
| แอปใช้งานง่าย ควบคุมและดูคุณภาพอากาศได้ครบ สามารถดูคุณภาพอากาศในห้องเด็กได้แบบเรียลไทม์ | ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ต้องเผื่อพื้นที่วาง |
| ดีไซน์ทันสมัย วางแล้วช่วยเสริมลุคบ้านได้ | หาของเปลี่ยนไส้กรองยาก ทำให้ต้องวางแผนเปลี่ยนล่วงหน้า |
| ทำงานเงียบ เปิดตลอดคืนได้โดยไม่รบกวนเด็ก | ฟีเจอร์บางอย่างอยู่ในแอปเท่านั้น |
5.เครื่องฟอกอากาศ HealthPro 100 IQAir IQ-HP100

การเลือก เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก ที่มีระบบกรองละเอียดเป็นพิเศษถือเป็นเรื่องสำคัญ IQAir HealthPro 100 เป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ด้วยความสามารถด้านการกรองอนุภาคที่เล็กมากเป็นพิเศษ เหมาะกับบ้านที่ต้องการคุณภาพอากาศระดับมืออาชีพ
จุดเด่นสินค้า
- เทคโนโลยี HyperHEPA ประสิทธิภาพสูง สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กกว่าเครื่องกรองทั่วไปได้แบบเหนือชั้น ช่วยลดความเสี่ยงสำหรับเด็กเล็กและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ครอบคลุมพื้นที่ขนาดกลาง–ใหญ่ (90–100 ตร.ม.) เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่โล่ง เช่น ห้องนั่งเล่นที่เด็กมักจะใช้เวลาทำกิจกรรม มั่นใจได้ว่าอากาศสะอาดครอบคลุมทั่วบริเวณที่ลูกน้อยอยู่บ่อยที่สุด
- การจัดการเสียงและการสั่นสะเทือนยอดเยี่ยม ทำงานได้เงียบ เหมาะสำหรับเปิดตลอดทั้งวันหรือเปิดไว้ขณะเด็กหลับ โดยไม่รบกวนการพักผ่อน
- กรองอนุภาคละเอียดระดับ 0.003 ไมครอนได้ถึง 99.95% ด้วย Premax Filter และระบบ HyperHEPA สามารถกรองอนุภาคที่เล็กกว่า PM2.5 ถึง 800 เท่า ช่วยลดความเสี่ยงจากไรฝุ่น แบคทีเรีย หรืออนุภาคที่อาจกระตุ้นภูมิแพ้ในเด็ก
- วัสดุคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทานแบบ Swiss Made อายุการใช้งานยาวนาน เหมาะกับบ้านที่ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศเด็กเป็นประจำทุกวัน เพื่อดูแลสุขภาพในระยะยาว
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| ดักจับอนุภาคเล็กถึง 0.003 ไมครอน กรองอนุภาคเล็กกว่าระดับ HEPA เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก | อยู่ในกลุ่มราคาพรีเมียม เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการลงทุนในคุณภาพอากาศระดับสูง |
| เหมาะกับคนเป็นภูมิแพ้แบบจริงจัง ถูกวางโพสิชันเป็น “Allergy Specialist” | ค่าใช้จ่ายเรื่องไส้กรองค่อนข้างสูง |
| ครอบคลุมพื้นที่ห้องกลางใหญ่ได้ ตัวเดียวจบ | ไม่มีแอปหรือฟีเจอร์สมาร์ทแบบรุ่นใหม่ ๆ |
| เสียงเงียบและการสั่นสะเทือนต่ำ เปิดขณะเด็กนอนหลับได้โดยไม่รบกวน | เน้นกรองฝุ่นและอนุภาคเล็กโดยเฉพาะ ไม่เหมาะกับการกำจัดกลิ่นหรือสาร VOC หนัก ๆ |
| ฟิลเตอร์คุณภาพสูง อายุการใช้งานยาวกว่าเครื่องทั่วไป |
6.เครื่องฟอกอากาศชาร์ป SHARP FP-J60TA สีขาว 48 ตร.ม.

SHARP FP-J60TA เป็นเครื่องฟอกอากาศที่รองรับพื้นที่ประมาณ 48 ตร.ม. ด้วยระบบกรองหลายชั้นที่ช่วยทำให้อากาศสะอาดยิ่งขึ้น เหมาะกับครอบครัวที่กำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก เพื่อช่วยลดฝุ่น PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ กลิ่น และเชื้อโรคภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นสินค้า
- ผสานเทคโนโลยี Plasmacluster + HEPA + Carbon และประจุ Plasmacluster ช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 กลิ่นไม่พึงประสงค์ และลดเชื้อโรคในอากาศได้ในขั้นตอนเดียว เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้ที่แพ้ง่ายเป็นพิเศษ
- เหมาะกับพื้นที่ประมาณ 48 ตร.ม. ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือคอนโดขนาดกลาง
- ระบบเซ็นเซอร์ + ฟีเจอร์ตอบโจทย์การใช้งานจริง มีโหมดอัตโนมัติที่ปรับตามฝุ่น/กลิ่น มี Ion Shower, ตั้งเวลาได้ และมี Child Lock ทำให้ใช้งานง่าย สะดวก ปลอดภัย และเหมาะกับบ้านที่มีเด็ก
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| กรองหลายชั้น ครบทั้งฝุ่น กลิ่น ไอออน ลดเชื้อโรค เหมาะกับบ้านที่ต้องการดูแลเด็กเล็ก | ประสิทธิภาพอยู่ในระดับสำหรับห้องขนาดกลาง–เล็ก ถ้าห้องใหญ่หรือ open-space อาจฟอกไม่ทั่วถึง |
| รองรับพื้นที่ ~48 ตร.ม. เหมาะกับห้องนอนเด็ก ห้องนั่งเล่น หรือคอนโด | ถ้าใช้ในห้องใหญ่เกิน 48 ตร.ม. จะเริ่มเห็นข้อจำกัดเรื่องความเร็วในการหมุนเวียนอากาศ |
| มีฟีเจอร์อัตโนมัติ เซ็นเซอร์ ควบคุมง่าย และ Child Lock ใช้งานสะดวก เหมาะกับบ้านที่มีเด็ก | ถ้าไม่เปิดโหมด Auto / Ion / HEPA พร้อมกัน อาจได้ประสิทธิภาพไม่เต็มที่ |
| แผ่นกรอง HEPA + Carbon + Plasmacluster ช่วยกรองฝุ่น กลิ่น และเชื้อโรค | ต้องเปลี่ยนไส้กรองตามรอบจริง ถ้าไม่เปลี่ยนอาจลดประสิทธิภาพลง |
| มีไอออนช่วยลดเชื้อโรค กลิ่น และสารก่อภูมิแพ้ เหมาะกับเด็กและคนแพ้ง่าย | สำหรับพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือสารระเหยมาก อาจต้องเสริมระบบดูดกลิ่นหรือระบายอากาศควบคู่ |
7.เครื่องฟอกอากาศ Smarthome AP-180 สีขาว

ถ้าคุณกำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก หรือครอบครัวที่ต้องการอากาศในบ้านสะอาดและปลอดภัย รุ่น SMARTHOME AP-180 คือหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่าและใช้งานง่าย เหมาะกับห้องขนาดเล็ก–กลาง เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือคอนโด
จุดเด่นสินค้า
- กรองอากาศหลายชั้น (Pre-filter + HEPA + Carbon + Ion/Anion Filter) ช่วยกรองฝุ่นละออง, PM2.5, สารก่อภูมิแพ้, ควัน กลิ่น และลดแบคทีเรีย/เชื้อโรคในอากาศ เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือคนแพ้ง่าย
- ขนาดกะทัดรัด วางง่าย เหมาะกับห้องขนาดเล็ก–กลาง (~20–35 ตร.ม.) ตัวเครื่องไม่ใหญ่เกินไป เคลื่อนย้ายสะดวก เหมาะกับคอนโด ห้องนอน หรือห้องเด็กที่พื้นที่จำกัด
- โหมดการทำงานครบ: Auto / Sleep / Manual + ปรับแรงลมได้ 3 ระดับ ใช้งานง่าย ปรับให้เหมาะกับช่วงที่ต่างกันของวัน เช่น กลางวัน ตอนทำงาน กลางคืนตอนเด็กนอน
- แสดงผลค่า PM2.5 แบบเรียลไทม์ + แจ้งเตือนเปลี่ยนไส้กรอง ทำให้พ่อแม่สามารถดูคุณภาพอากาศในห้อง และรู้เวลาที่ควรเปลี่ยนแผ่นกรองได้ทัน
- เสียงเงียบและกินไฟต่ำ (40 W) เหมาะกับการเปิดเครื่องตลอดทั้งวัน หรือตอนเด็กนอนหลับ โดยไม่รบกวนการพักผ่อน และไม่เปลืองไฟมากนัก
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| กรองครบทั้งฝุ่น กลิ่น ควัน และสารก่อภูมิแพ้ เหมาะกับบ้านที่มีเด็กหรือคนแพ้ง่าย | เหมาะที่สุดกับห้องขนาดเล็ก กลาง ถ้าใช้ในห้องใหญ่หรือพื้นที่ open-space อาจกรองได้ไม่ทั่วถึง |
| ขนาดตัวเครื่องกะทัดรัด เคลื่อนย้ายง่าย ใช้งานได้สะดวกแม้ในห้องเด็กเล็กหรือคอนโด | ถ้าพื้นที่เกินสเปกระบุ (20–35 ตร.ม.) ประสิทธิภาพอาจลดลง |
| มีโหมด Auto / Sleep / Manual และปุ่มปรับแรงลม + หน้าจอแสดง PM2.5 และไฟแจ้งเตือนเปลี่ยนไส้กรอง | ถ้าไม่ตั้งโหมด Auto หรือไม่สังเกตค่า PM2.5/สถานะไส้กรอง อาจไม่ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ |
| เสียงเงียบ กินไฟต่ำ เปิดได้ทั้งวัน เหมาะกับบ้านที่มีเด็ก | ถ้าสภาพอากาศมีฝุ่นหนักมาก อาจต้องเปิดเครื่องนานหรือเสริมระบบระบายอากาศเพิ่มเติม |
| ราคาเข้าถึงได้ เป็นตัวเลือก “เริ่มต้น” ที่ดีสำหรับคนต้องการเครื่องฟอกอากาศเด็ก | ประสิทธิภาพไม่เท่ารุ่นพรีเมียม เช่น อาจไม่ลดกลิ่นแรงหรือสารระเหย (VOCs) ได้ดีมาก |
8.เครื่องฟอกอากาศ SHARP FP-J40TA สีขาว 30 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก รุ่น SHARP FP-J40TA เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะกับห้องนอน ห้องเด็ก หรือคอนโดขนาดเล็ก–กลาง ด้วยระบบกรองหลายชั้นและเทคโนโลยี Plasmacluster ที่ช่วยดูแลอากาศให้สะอาดยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนในบ้าน
จุดเด่นสินค้า
- ระบบ Plasmacluster + HEPA + Carbon ครบ 3 ชั้น ผสานการปล่อยประจุ Plasmacluster, แผ่นกรอง HEPA และแผ่นกรองคาร์บอน ช่วยดักจับ PM2.5 ลดเชื้อโรค กลิ่น และสารก่อภูมิแพ้ เหมาะสำหรับเด็กเล็กและคนแพ้ง่าย
- รองรับพื้นที่ประมาณ 30 ตร.ม. เหมาะกับห้องนอน ห้องเด็ก ห้องนั่งเล่นขนาดเล็ก หรือคอนโด เน้นดูแลพื้นที่ที่ครอบครัวใช้บ่อย
- เซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นและกลิ่น + โหมดอัตโนมัติ ตัวเครื่องปรับระดับลมให้อัตโนมัติเมื่อเจอฝุ่นหรือกลิ่น ช่วยให้ผู้ปกครองมั่นใจว่าอากาศรอบตัวเด็กสะอาดเสมอ
- โหมด Sleep เสียงเงียบ เหมาะสำหรับเปิดตอนเด็กนอนกลางคืน โดยไม่รบกวนการพักผ่อน
- ดีไซน์กะทัดรัด วางง่ายทุกพื้นที่ ตัวเครื่องไม่ใหญ่เกินไป วางในห้องเด็กหรือคอนโดได้โดยไม่เกะกะพื้นที่ใช้งาน
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| ระบบกรองครบ 3 ชั้น ช่วยลดฝุ่น กลิ่น เชื้อโรค เหมาะกับเด็กและผู้แพ้ง่าย | เหมาะกับพื้นที่ไม่เกิน 30 ตร.ม. ถ้าใช้ในห้องใหญ่จะฟอกอากาศได้ไม่ทั่วถึง |
| มีโหมด Auto เซนเซอร์จับฝุ่น–กลิ่น ทำให้ดูแลอากาศรอบตัวเด็กได้ง่าย | หากไม่เปิดโหมด Auto หรือ Ion อาจไม่ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ |
| โหมด Sleep เงียบ เหมาะสำหรับเปิดตอนเด็กนอน | ประสิทธิภาพลดลงหากไม่เปลี่ยนไส้กรองตามรอบ |
| ขนาดกะทัดรัด วางในห้องเด็กหรือคอนโดได้สะดวก | ไม่เด่นเรื่องกำจัดกลิ่นหนักหรือ VOC มากเท่ารุ่นระดับสูง |
| ราคาเข้าถึงง่าย เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี Plasmacluster + HEPA | ฟีเจอร์ไม่มากเท่ารุ่นพรีเมียมระดับท็อป |
9.IQAIR เครื่องฟอกอากาศในอาคาร ATEM X

IQAir ATEM X คือหนึ่งในตัวท็อปที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องประสิทธิภาพและดีไซน์ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตได้จริง ด้วยระบบกรองที่ละเอียดมากเป็นพิเศษและดีไซน์ที่เข้ากับบ้านยุคใหม่ เหมาะอย่างยิ่งกับครอบครัวที่ต้องการ เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก หรือสมาชิกที่ไวต่อฝุ่นและมลพิษในอากาศ
จุดเด่นสินค้า
- ระบบกรอง HyperHEPA ประสิทธิภาพสูงระดับ 0.003 ไมครอน สามารถดักจับอนุภาคได้ละเอียดกว่า HEPA ทั่วไปหลายเท่า ช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรคในอากาศ เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือเด็กที่แพ้ง่ายต้องการอากาศสะอาดเป็นพิเศษ
- ครอบคลุมพื้นที่กว้างสูงสุด 156 ตร.ม. ฟอกอากาศได้รวดเร็วและทั่วถึง เหมาะกับบ้านพื้นที่ใหญ่ ห้องโอเพ่นสเปซ หรือโซนที่ลูกน้อยใช้ทำกิจกรรมหลายจุด
- ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแม่นยำ ตรวจจับ PM2.5, PM10 และปรับระดับลมอัตโนมัติ ทำให้ผู้ปกครองไม่ต้องปรับบ่อย เพียงตั้งค่าไว้ก็มั่นใจได้ว่าอากาศรอบตัวเด็กจะสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- เสียงเงียบในระดับโหมดกลาง–ต่ำ แม้เป็นเครื่องกำลังสูง แต่ยังทำงานเงียบพอที่จะเปิดในห้องนอนเด็กโดยไม่รบกวนการหลับพักผ่อน
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| กรองละเอียดถึงระดับ HyperHEPA เเหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือเด็กเป็นภูมิแพ้แบบจริงจัง | ราคาสูงกว่าเครื่องฟอกอากาศเด็กรุ่นทั่วไปในตลาด |
| ครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ เหมาะกับบ้านโถงโล่งที่ต้องการให้อากาศที่เด็กสูดหายใจสะอาดทั่วพื้นที่ | ไม่มีแผ่นกรองถ่าน (activated carbon) จึงอาจไม่เน้นเรื่องดูดกลิ่นหรือสารระเหยมากนัก |
| ระบบเซ็นเซอร์ + โหมดอัตโนมัติ + แอปควบคุม พ่อแม่สามารถตรวจเช็คคุณภาพอากาศรอบตัวเด็กได้ตลอดเวลา | ฟิลเตอร์ต้นทุนสูง ค่าบำรุงรักษาและเปลี่ยนไส้กรองอาจสูงตามไปด้วย |
| ดีไซน์พรีเมียม วางแล้วดูดีเหมือนเฟอร์นิเจอร์ ไม่เหมือนเครื่องฟอกอากาศทั่วไป | |
| ทำงานเงียบเมื่อใช้โหมดกลาง–ต่ำ สามารถเปิดตอนเด็กนอนได้โดยไม่รบกวนการพักผ่อน |
10.เครื่องฟอกอากาศ Blueair Health Protect 7470i

เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก ที่ให้ทั้งคุณภาพอากาศระดับมืออาชีพ และครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ภายในบ้าน Blueair รุ่น HealthProtect 7470i เป็นตัวเลือกที่โดดเด่น ทั้งประสิทธิภาพการกรองสูงและฟีเจอร์ Smart ที่ช่วยให้การดูแลอากาศในบ้านง่ายสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่
จุดเด่นสินค้า
- ระบบกรอง HEPASilent Ultra + SmartFilter กรองละเอียดทั้งฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ และอนุภาคเล็ก กำจัดอนุภาคในอากาศได้ถึง 99.97% เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก ผู้แพ้ฝุ่นหรือภูมิแพ้ง่าย
- ครอบคลุมพื้นที่ 38–63 ตร.ม. (ห้องกลาง–ใหญ่ / ห้องรวมครัว–นั่งเล่น) เหมาะกับบ้านที่มีหลายโซนหรือห้องขนาดกลาง–ใหญ่ ทำให้ทุกมุมบ้านที่เด็กใช้เวลาอยู่ได้รับอากาศที่สะอาดทั่วถึง
- ระบบกรองและกำจัดกลิ่น เคมี และ VOCs พร้อม Carbon Filter + ฟังก์ชัน GermShield ฆ่าเชื้อไวรัส/แบคทีเรีย เหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ห้องทำอาหาร หรือพื้นที่ที่อาจมีควัน/สารระเหย
- ระบบ SpiralAir + การหมุนเวียนอากาศ 360° ส่งอากาศบริสุทธิ์ทั่วห้องอย่างทั่วถึง ลดโอกาสที่มุมห้องจะมีฝุ่นตกค้าง เหมาะกับพื้นที่ที่เด็กใช้เล่นหรือวิ่งเล่นภายในบ้าน
- โหมดอัตโนมัติ + เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศ + หน้าจอแสดงผล + การแจ้งเตือนเปลี่ยนไส้กรอง พ่อแม่สามารถตรวจคุณภาพอากาศ และดูแลการทำงานของเครื่องโดยไม่ต้องคอยเฝ้าทั้งวัน
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| กรองละเอียดมากถึงระดับ HEPASilent Ultra ลดฝุ่น สารก่อภูมิแพ้, ควัน, กลิ่น และเชื้อโรค เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้แพ้ง่าย | ราคาสูงกว่ารุ่นพื้นฐาน อาจเกินงบสำหรับคนที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กในราคาประหยัด |
| ครอบคลุมพื้นที่กลาง–ใหญ่ (38–63 ตร.ม.) ฟอกอากาศได้ทั่วทั้งห้องหรือหลายโซน เหมาะกับบ้านที่มีห้องโถงหรือพื้นที่รวม | ตัวเครื่องใหญ่และค่อนข้างหนัก (~12.5 กก.) |
| มีระบบกำจัดกลิ่น VOCs และสารระเหย + ฟังก์ชัน GermShield ป้องกันเชื้อโรค | ฟิลเตอร์/ไส้กรองต้นทุนสูง ถ้าใช้ต่อเนื่อง อาจต้องเผื่อค่าใช้จ่ายดูแลรักษาระยะยาว |
| ระบบหมุนเวียนอากาศ 360° + SpiralAir ส่งอากาศทั่วถึง ลดจุดอับ เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล่นหลายมุม | |
| โหมดอัตโนมัติ + เซ็นเซอร์ + แจ้งเตือนเปลี่ยนไส้กรอง |
วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก ซื้อติดบ้านไว้สบายใจทั้งครอบครัว
การเลือกเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กจำเป็นต้องคำนึงถึงทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เพราะเด็กเล็กมีระบบทางเดินหายใจที่บอบบางกว่าผู้ใหญ่ การเลือกให้เหมาะกับสภาพห้องและพฤติกรรมของเด็ก จะช่วยให้ลูกน้อยได้หายใจอากาศที่สะอาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นทุกวัน
- ฟิลเตอร์ HEPA แท้ (H13 หรือ H14) เป็นมาตรฐานสูงสุดที่สามารถดักจับฝุ่นละเอียด PM2.5 และอนุภาคขนาดเล็กลงไปถึง 0.1 ไมครอนได้ เช่น สารก่อภูมิแพ้ ไรฝุ่น เกสร และขนสัตว์ ช่วยลดโอกาสเกิดอาการแพ้ในเด็กได้ดีมาก
- ไม่มีการปล่อยโอโซน หลีกเลี่ยงเครื่องฟอกอากาศประเภทไอออนไนเซอร์หรือโอโซน เพราะโอโซนแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจระคายเคืองปอดของทารกและเด็กเล็กได้ เครื่องฟอกอากาศที่ใช้ “ระบบการกรองแบบฟิลเตอร์” จึงปลอดภัยที่สุด
- มีโหมดเงียบ (Sleep Mode) ในห้องเด็กควรมีความเงียบขณะนอน เครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีมักทำงานที่ระดับเสียงเพียง 18–24 dB ซึ่งแทบไม่ได้ยินและไม่รบกวนการนอนของลูก
- เซนเซอร์วัดค่า PM2.5 แม่นยำ ช่วยให้ผู้ปกครองดูคุณภาพอากาศในห้องแบบเรียลไทม์ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าอากาศสะอาดจริงขณะเด็กพักผ่อนหรือเล่นอยู่ในห้อง
- ป้องกันเด็กดึงหรือเปิดเครื่อง (Child Lock) บ้านที่มีเด็กวัยกำลังซนควรเลือกเครื่องที่มีฟังก์ชันล็อกปุ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเอานิ้วไปกดเล่นหรือเปิดฝาเครื่องฟอกอากาศ
- สินค้าจากแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน เลือกแบรนด์ที่มีการรับรองคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัย และการรับประกันชัดเจน
พ่อแม่ควรรู้! 3 คำถามก่อนเลือกเครื่องฟอกอากาศสำหรับลูกน้อย
การรู้คำตอบของ 3 คำถามนี้จะช่วยให้เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยดูแลสุขภาพลูกได้ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว
1. เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กจำเป็นไหม?
จำเป็น เด็กเล็กมีระบบทางเดินหายใจบอบบางกว่า จึงไวต่อฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ ควัน และเชื้อโรคในอากาศมากกว่าผู้ใหญ่ การใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีฟิลเตอร์ HEPA จะช่วยลดอนุภาคเล็กที่เป็นอันตราย ทำให้อากาศในห้องนอนหรือห้องเล่นสะอาดขึ้น ลดอาการไอ จาม น้ำมูก และลดโอกาสการเกิดภูมิแพ้ในระยะยาว
2. เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กช่วยลดภูมิแพ้ลูกได้หรือไม่?
ช่วยได้ โดยเฉพาะอาการแพ้ฝุ่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ และ PM2.5 เครื่องฟอกอากาศที่ใช้ฟิลเตอร์ HEPA H13–H14 สามารถดักจับสารก่อภูมิแพ้ได้เกือบ 100% ช่วยลดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เด็กเกิดอาการแพ้ เช่น ไรฝุ่น เกสร ขนสัตว์ เชื้อราในอากาศ ควันและฝุ่นจากภายนอก
3. ควรวางเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กไว้ตรงไหน?
ตำแหน่งที่ดีที่สุดคือ ในห้องที่เด็กใช้เวลาอยู่มากที่สุด เช่น ห้องนอนหรือห้องเล่น โดยวางห่างจากกำแพงประมาณ 20–30 ซม. เพื่อให้ลมเข้า–ออกได้เต็มที่ และควรวางใกล้หน้าต่างหรือประตูที่มีฝุ่นเข้ามา แต่ไม่ควรวางชิดหัวเตียงเพราะแรงลมอาจรบกวนการนอน
รวมทุกเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กที่ตอบโจทย์บ้านคุณ
การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กหรือคนแพ้ง่าย เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลคุณภาพอากาศให้ปลอดภัยขึ้น เครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีจุดเด่นต่างกัน ทั้งด้านระบบกรอง พื้นที่รองรับ และฟีเจอร์การใช้งาน
ที่ OFM.co.th คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็กได้ครบทุกระดับ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นจนถึงรุ่นพรีเมียม พร้อมข้อมูลเปรียบเทียบและดีลคุ้มค่า ช่วยให้เลือก เครื่องฟอกอากาศเด็ก และสำหรับทุกห้องในบ้านได้ง่ายในที่เดียว
ดีลสุดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่! 🔥
🛍️ ซื้อครบ 999.- ใส่โค้ด “NEW10” รับส่วนลด 10% (สูงสุด 1,000 บาท)
💥รับคะแนน The 1 X3 (1,000 บาท)
🎯 ยิ่งช้อป ยิ่งลด! อย่าพลาดดีลสุดคุ้มวันนี้!
📌 ช้อปเลย 👉 https://www.ofm.co.th