หุ่นยนต์ดูดฝุ่นในท้องตลาดปัจจจุบันมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าตัวดังจากยุโรป แบรนด์สุดฮิตจากจีน หรือแม้แต่แบรนด์จากประเทศไทย มาดูกันว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดีที่เป็นตัวจบงานดูดฝุ่นที่บ้านให้คุณ
Key Takeaways
- เลือกกำลังวัตต์ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ: ควรพิจารณากำลังวัตต์ตั้งแต่ 3,500W ถึง 6,000W โดยรุ่นกำลังวัตต์สูง (4,500W ขึ้นไป) จะให้ความร้อนได้ดีและสม่ำเสมอกว่า เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น
- ความปลอดภัยสูงสุดต้องมาก่อน: สิ่งสำคัญที่สุดคือระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ELCB หรือ ELSD ที่ตัดกระแสไฟรั่วอัตโนมัติทันที และระบบ Thermo Cut-off เพื่อป้องกันน้ำร้อนจัดเกินไป ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่รุ่นยอดนิยมทุกรุ่นต้องมี
- คุณภาพวัสดุทำความร้อนที่ทนทาน: ควรเลือกเครื่องที่ใช้หม้อต้มหรือชุดทำความร้อนที่ทำจาก ทองแดง (Copper Tank/Heater) เนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง ให้ความร้อนรวดเร็ว และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าวัสดุอื่น
- พิจารณาฟังก์ชันเสริมตามความต้องการ: เครื่องทำน้ำอุ่นราคาสูงขึ้นอาจมาพร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะ เช่น ระบบควบคุมแบบดิจิทัลสัมผัส ระบบบันทึกอุณหภูมิ (Memory) หรือระบบสร้างความผ่อนคลาย (SPA) ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การอาบน้ำให้ดียิ่งขึ้น
สุดยอด 10 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดี ที่ควรซื้อติดบ้าน
ไม่ต้องเปรียบเทียบให้วุ่นวาย OFM สรุปมาให้แล้วกับ 10 สุดยอด หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ที่ควรสอยไปไว้ที่บ้าน เพราะคุ้มทั้งราคาและประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าครบสุดๆ
1.หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ เสียวหมี่ E10 EU สีขาว
กำลังตัดสินใจอยู่ใช่ไหมว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่าและช่วยประหยัดเวลาทำความสะอาด? ขอแนะนำ Xiaomi Smart Robot Vacuum E10 EU ที่มาพร้อมแรงดูดทรงพลัง 4000 Pa และฟังก์ชันดูดและถู 2-in-1
ใช้งานง่ายด้วยระบบนำทาง Gyroscope ที่ช่วยให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง พร้อมแบตเตอรี่ที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดกลางได้สบาย ให้บ้านคุณสะอาดหมดจดได้โดยที่คุณไม่ต้องเหนื่อย
จุดเด่นสินค้า
- แรงดูดทรงพลัง: มอเตอร์ดูดฝุ่นให้แรงดูดสูงสุดถึง 4000 Pa สามารถเก็บฝุ่นละอองขนาดเล็กและสิ่งสกปรกได้ดีเยี่ยม
- ระบบทำความสะอาด 2-in-1: สามารถดูดฝุ่นและถูพื้นได้พร้อมกันในรอบเดียว ด้วยถังเก็บฝุ่นขนาด 400 มล. และถังเก็บน้ำขนาด 200 มล.
- การนำทางที่ชาญฉลาด: ใช้ระบบ Gyroscope ในการวางแผนเส้นทางการทำความสะอาด เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่อย่างมีระเบียบ
- เคลื่อนที่คล่องตัว: สามารถปีนข้ามสิ่งกีดขวางได้สูงสุดถึง 15 มิลลิเมตร เช่น พรมหรือธรณีประตูเตี้ย ๆ
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| แรงดูดสูง ถึง 4000 Pa เหมาะกับการทำความสะอาดเชิงลึก | ถังเก็บขนาดเล็ก (ฝุ่น 400 มล./น้ำ 200 มล.) อาจต้องเททิ้ง/เติมน้ำบ่อยครั้ง |
| ฟังก์ชันครบ ดูดฝุ่นและถูพื้นได้ในตัว | แบตเตอรี่ (2600 mAh) อาจไม่เพียงพอสำหรับบ้านที่มีขนาดใหญ่มาก |
| ราคาเข้าถึงง่าย เมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นพรีเมียม | ระบบนำทาง Gyroscope อาจมีความแม่นยำน้อยกว่าระบบ LDS/LiDAR ในการสร้างแผนที่ |
| ปีนสิ่งกีดขวางได้ สูงสุด 15 มม. ช่วยให้ทำงานได้ราบรื่น | ขาดฟังก์ชันขั้นสูง เช่น ระบบจดจำและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแบบ AI |
2.XIAOMI หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ รุ่น 5 แรงดูด 20000Pa ระบบนำทางเลเซอร์ Dual Mopping ความจุแบตเตอรี่ 5200mAh
หมดปัญหาเรื่องการเปรียบเทียบว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี? ให้ โรบอทดูดฝุ่น Xiaomi รุ่น 5 เป็นผู้ช่วยมือโปร ด้วยพลังดูดมหาศาลถึง 20000 Pa! มาพร้อมระบบนำทางเลเซอร์ (LDS) ที่แม่นยำ และฟังก์ชัน Dual Moppin สุดล้ำ ให้การทำความสะอาดทั้งดูดและถูนั้นลึกถึงใจ
จุดเด่นสินค้า
- พลังดูดมหาศาล: แรงดูดสูงสุดถึง 20000 Pa (ตามที่ระบุในชื่อสินค้า) มั่นใจได้ว่าสามารถเก็บฝุ่นละเอียดและสิ่งสกปรกฝังแน่นได้
- ระบบนำทางระดับสูง: ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ LDS ในการสแกนและสร้างแผนที่ห้องอย่างแม่นยำสูง วางแผนทำความสะอาดอย่างเป็นระบบ
- ประสิทธิภาพการถูที่เหนือกว่า: มาพร้อมฟังก์ชัน Dual Moppin ที่ช่วยในการขจัดคราบและสิ่งสกปรกบนพื้นได้ดีกว่าการถูแบบปกติ
- การจัดการแผนที่อัจฉริยะ: สามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชันเพื่อกำหนดพื้นที่ทำความสะอาด, ตั้งเขตห้ามเข้า, และจัดการแผนที่ได้หลายชั้น
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| การนำทางแม่นยำ ระบบเลเซอร์ (LDS) สร้างแผนที่ได้ละเอียดและทำงานเป็นระเบียบ | ราคาสูง เป็นรุ่นที่มีเทคโนโลยีนำทางและการถูขั้นสูง ทำให้มีราคาสูงกว่ารุ่นเริ่มต้น |
| พลังทำความสะอาดสูง ทั้งแรงดูดที่ระบุว่า 20000 Pa และระบบถูแบบ Dual Moppin | ความสูงตัวเครื่อง รุ่นที่มีเซนเซอร์ LDS (ป้อมนูนด้านบน) อาจเข้าใต้เฟอร์นิเจอร์เตี้ย ๆ ได้ยาก |
| จัดการพื้นที่ได้หลากหลาย รองรับฟังก์ชันการตั้งค่าแผนที่ขั้นสูง เช่น Virtual Walls และ No-Go Zones | การดูแลรักษา ระบบถูพื้นแบบพิเศษอาจต้องมีการดูแลรักษาผ้าถูหรือชิ้นส่วนที่ซับซ้อนกว่ารุ่นทั่วไป |
| เหมาะสำหรับบ้านขนาดใหญ่ สามารถทำความสะอาดและจดจำแผนที่พื้นที่กว้างได้เป็นอย่างดี | ค่าแรงดูดสูงผิดปกติ (20000 Pa) อาจเป็นค่าทางทฤษฎี ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างไปจากความคาดหวัง |
3.IROBOT หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น รุ่น Roomba Combo i5
ไม่ต้องลังเลอีกต่อไปว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี! ให้ โรบอทดูดฝุ่น iRobot Roomba Combo i5 หุ่นยนต์ 2-in-1 ที่ดูดฝุ่นและถูพื้นได้ เพียงแค่สลับถังเก็บฝุ่นกับถังเก็บน้ำ ก็เปลี่ยนโหมดการทำความสะอาดได้ทันทีขับเคลื่อนด้วย iRobot OS และระบบนำทาง iAdapt 2.0 ที่ชาญฉลาด ทำงานได้อย่างเป็นระเบียบ และกลับไปชาร์จเพื่อทำงานต่อได้อัตโนมัติ
จุดเด่นสินค้า
- ดูด+ถู 2 โหมด: สามารถเปลี่ยนเป็นโหมดดูดฝุ่น หรือโหมดถูพื้นได้ทันทีด้วยการสลับถังเก็บที่ออกแบบมาเฉพาะกิจ
- ระบบนำทางที่เชื่อถือได้: ใช้ระบบนำทาง iAdapt 2.0 และขับเคลื่อนด้วย iRobot OS ทำให้ทำงานเป็นระเบียบ และสามารถเรียนรู้สภาพแวดล้อมได้
- ทำความสะอาดต่อเนื่องไม่มีสะดุด: มาพร้อมฟังก์ชัน Recharge & Resume ที่ให้หุ่นยนต์กลับไปชาร์จและเริ่มทำงานต่อจากจุดที่ค้างไว้โดยอัตโนมัติ
- แปรงยางคู่ทรงพลัง: ใช้แปรงยางคู่แบบ Multi-Surface ที่เป็นเอกลักษณ์ของ iRobot ช่วยให้เก็บเส้นผมและขนสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการพันกัน
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญ iRobot มีความน่าเชื่อถือสูงในด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์ดูดฝุ่น | ต้องเปลี่ยนถังเอง ไม่สามารถดูดและถูพื้นพร้อมกันได้ ต้องสลับถังเมื่อต้องการเปลี่ยนโหมด |
| ประสิทธิภาพการเก็บขนสัตว์ แปรงยางคู่เป็นเลิศในการเก็บเส้นผมและขนสัตว์โดยไม่พันกับแปรง | ราคาสูง จัดอยู่ในกลุ่มหุ่นยนต์ราคาสูงเมื่อเทียบกับรุ่นที่มีฟังก์ชันคล้ายกันในตลาด |
| การทำงานที่เป็นระบบ ระบบนำทาง iAdapt 2.0 ช่วยให้เดินทำความสะอาดอย่างมีระเบียบและครอบคลุม | ความแม่นยำแผนที่ ระบบนำทางที่ใช้กล้อง/เซนเซอร์ อาจสร้างแผนที่ได้ไม่ละเอียดเท่าระบบ LiDAR ในรุ่นคู่แข่ง |
| ทำงานต่อเนื่อง ฟังก์ชัน Recharge & Resume ทำให้สามารถทำความสะอาดพื้นที่ขนาดใหญ่ได้เสร็จสมบูรณ์ | ระยะเวลาทำงานจำกัด ทำงานต่อเนื่องสูงสุดประมาณ 75 นาที ซึ่งอาจต้องมีการชาร์จซ้ำสำหรับพื้นที่ที่ใหญ่มาก |
4.IROBOT หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น รุ่น Roomba Plus 405 Combo พร้อมแท่นชาร์จ AutoWash
หมดกังวลเรื่องการทำความสะอาดด้วย หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iRobot Roomba Plus 405 Combo นี่คือหุ่นยนต์แบบ 2-in-1 ที่รวมการดูดฝุ่นและถูพื้นไว้ด้วยกัน และมาพร้อมแท่น Clean Base® ที่สามารถเทฝุ่นออกจากตัวเครื่องได้เองโดยอัตโนมัติแท่น AutoWash ยังช่วยดูแลความสะอาดของอุปกรณ์ถูพื้นอีกด้วย
จุดเด่นสินค้า
- แท่นชาร์จแบบครบวงจร (AutoWash & Clean Base): แท่นชาร์จสามารถดูดฝุ่นออกจากตัวหุ่นยนต์ได้เอง และมีระบบจัดการความสะอาดของผ้าม็อบหรือถังน้ำถูพื้น ทำให้งานบ้านเป็นอัตโนมัติเกือบสมบูรณ์
- การดูดฝุ่นประสิทธิภาพสูง: แปรงยางคู่ Multi-Surface อันเป็นเอกลักษณ์ของ iRobot ทำงานร่วมกันได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในการเก็บเส้นผมและขนสัตว์โดยไม่พันกัน
- การทำงานแบบ 2-in-1 (Combo): สามารถดูดฝุ่นและถูพื้นได้ในเครื่องเดียว เพียงแค่สลับถังเก็บที่ออกแบบมาเฉพาะโหมด
- ระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ (iRobot OS): หุ่นยนต์เรียนรู้แผนผังและพฤติกรรมในบ้านของคุณ เพื่อเสนอการทำความสะอาดเฉพาะจุดตามความเหมาะสมได้อย่างแม่นยำ
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| ความเป็นอัตโนมัติสูงสุด แท่นชาร์จดูแลทั้งการเทฝุ่นและการจัดการระบบถูพื้น ลดการดูแลของมนุษย์ได้มาก | ราคาสูง เป็นรุ่นพรีเมียมที่มีเทคโนโลยีครบวงจร ทำให้มีราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นทั่วไป |
| ลดการสัมผัสสิ่งสกปรก ไม่ต้องเทฝุ่นบ่อย (นานถึง 60 วัน) และลดการสัมผัสผ้าถูที่เปียกหรือสกปรก | ต้องซื้อถุงเก็บฝุ่นเพิ่ม มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องสำหรับถุงเก็บฝุ่นที่ใช้กับแท่น Clean Base |
| การจัดการแผนที่เป็นเลิศ ระบบ iRobot OS ช่วยให้การสร้างแผนที่และการตั้งค่าทำความสะอาดโซนต่าง ๆ มีประสิทธิภาพสูง | ขนาดใหญ่ แท่นชาร์จที่มีฟังก์ชันครบวงจรมักมีขนาดใหญ่ และอาจต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้ง |
| ทำความสะอาดแบบ 2-in-1 ได้ทั้งดูดและถูในอุปกรณ์เดียว แม้จะต้องสลับถังก็ตาม | ยังต้องสลับถังด้วยมือ (Inferred) การเปลี่ยนโหมดจากดูดเป็นถูยังต้องทำการเปลี่ยนถังเก็บเอง |
5.หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ขัดถูพื้นซักผ้าถูเองได้ ดรีมม D10 Plus สีขาว
หมดปัญหางานบ้านซ้ำซากด้วย เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ Dreame D10 Plus หุ่นยนต์รุ่นนี้ใช้ระบบนำทางด้วยเลเซอร์ LiDAR ที่แม่นยำ และมีแรงดูดทรงพลัง 4000 Pa เพื่อการดูดฝุ่นและถูพื้นอย่างสะอาดและเป็นระบบมาพร้อมแท่นเก็บฝุ่นอัจฉริยะ ให้คุณลืมการเทฝุ่นไปได้นานถึง 45 วัน
จุดเด่นสินค้า
- แท่นเก็บฝุ่นอัตโนมัติ (Auto-Empty): หุ่นยนต์จะเทฝุ่นเข้าสู่ถุงเก็บฝุ่นในแท่นชาร์จโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเทฝุ่นบ่อย (รองรับสูงสุด 45 วัน)
- ระบบนำทาง LiDAR แม่นยำ: ใช้เซนเซอร์เลเซอร์ในการสแกนพื้นที่และสร้างแผนที่บ้านได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพและไม่เดินซ้ำซ้อน
- แรงดูดสูง 4000 Pa: มีพลังดูดทรงพลัง ทำให้สามารถเก็บฝุ่นละเอียด, เส้นผม และเศษขยะชิ้นเล็ก ๆ ได้อย่างหมดจด
- ฟังก์ชัน 2-in-1 อัจฉริยะ: ดูดฝุ่นและถูพื้นได้พร้อมกัน พร้อมการจัดการแผนที่ในแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คุณกำหนดโซน, ตั้งเวลา, และเขตห้ามเข้าได้
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| สะดวกสบายสูงสุด มีแท่นเก็บฝุ่นอัตโนมัติ ช่วยลดภาระในการบำรุงรักษาของผู้ใช้ได้มาก | ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์สิ้นเปลือง ต้องซื้อถุงเก็บฝุ่นสำหรับแท่นชาร์จมาเปลี่ยนเป็นระยะ |
| การนำทางประสิทธิภาพสูง เทคโนโลยี LiDAR ช่วยให้หุ่นยนต์สร้างแผนที่และวางแผนทำความสะอาดได้รวดเร็ว | การถูพื้นแบบธรรมดา ระบบถูพื้นเป็นแบบแผ่นถูลากพื้น ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับการขจัดคราบฝังแน่น |
| แรงดูดที่ทรงพลัง แรงดูด 4000 Pa สูงกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วไปในระดับราคาใกล้เคียง | แท่นชาร์จขนาดใหญ่ แท่นชาร์จอัตโนมัติมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ต้องใช้พื้นที่ในการจัดวาง |
| เหมาะสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ระบบดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพและการทำงานอัตโนมัติเหมาะกับบ้านที่มีขนสัตว์มาก | การบำรุงรักษาถังน้ำ (แม้จะเทฝุ่นเอง) แต่ถังน้ำสำหรับถูพื้นยังต้องเติมและทำความสะอาดด้วยมือ |
6.หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น AUTOBOT Mini Lite กวาด ดูด ถู ในเครื่องเดียว รับประกัน 1 ปี
หากคุณกำลังตัดสินใจอยู่ว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี สำหรับคอนโดหรือห้องขนาดเล็ก Autobot Mini Lite คือตัวเลือกที่ “จิ๋วแต่แจ๋ว” และคุ้มค่าที่สุด!รองรับฟังก์ชัน 3-in-1 (กวาด-ดูด-ถู) ในเครื่องเดียว ด้วยขนาดกะทัดรัดเพียง 7.6 ซม. ที่สามารถเข้าถึงใต้เฟอร์นิเจอร์ได้อย่างง่ายดาย
จุดเด่นสินค้า
- ขนาดเล็กพิเศษ: ด้วยความสูงเพียง 7.6 ซม. และความกว้าง 27 ซม. ทำให้ทำความสะอาดพื้นที่แคบและใต้โซฟา/โต๊ะเตี้ย ๆ ได้อย่างสบาย
- ฟังก์ชันครบ 3-in-1: สามารถกวาด, ดูดฝุ่น, และถูพื้นแบบเปียกหมาดได้ในเครื่องเดียว ตอบโจทย์การทำความสะอาดพื้นผิวเรียบ
- ราคาประหยัด: เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นระดับเริ่มต้นที่มีราคาเป็นมิตรกับงบประมาณ คุ้มค่าสำหรับคอนโดหรือห้องนอนทั่วไป (พื้นที่ครอบคลุม 30 ตร.ม.)
- ใช้งานง่าย: มาพร้อมระบบ Motion Patterns ในการทำความสะอาด (แรนดอม/วิ่งขยายวง) และมีเซนเซอร์ป้องกันการตกจากที่สูง
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| ราคาต่ำที่สุด เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีราคาถูกที่สุด ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย | การนำทางแบบสุ่ม ใช้ระบบ Motion Patterns (Random) ในการทำความสะอาด ทำให้ไม่เป็นระบบและอาจเดินซ้ำซ้อน |
| รูปทรงเพรียวบาง ขนาดเล็กกะทัดรัดเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์เตี้ย | แบตเตอรี่/ถังฝุ่นเล็ก ความจุถังเก็บฝุ่น 200 ml และแบตเตอรี่ 800 mAh มีขนาดเล็ก ต้องทิ้งฝุ่นและชาร์จบ่อย |
| อะไหล่ราคาไม่แพง ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ ค่อนข้างต่ำ | ขาดฟีเจอร์อัจฉริยะ ไม่รองรับการสร้างแผนที่, เขตห้ามเข้า, หรือควบคุมผ่านแอปพลิเคชันขั้นสูง |
| เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก ทำความสะอาดคอนโดหรือห้องขนาด 30 ตร.ม. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ | ประสิทธิภาพการดูดฝุ่น แรงดูดไม่สูงเท่ารุ่นราคาสูง จึงอาจไม่เหมาะกับพรมหรือฝุ่นปริมาณมาก |
7.ASAKI หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ รุ่น HMEL-VAC-003-PK สีชมพู
หากคุณต้องการ โรบอทดูดฝุ่น ราคาประหยัดและเน้นความคุ้มค่า Asaki หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ รุ่น Hmel-VAC-003-PK คือทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้เริ่มต้นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่นนี้มาพร้อมฟังก์ชันดูดฝุ่นและถูพื้นแบบแห้ง ดีไซน์บางเฉียบเพียง 7 ซม. และมีน้ำหนักเบามากเพียง 560 กรัม
จุดเด่นสินค้า
- ราคาคุ้มค่าสูงสุด: เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในระดับราคาต่ำกว่า 1,000 บาท ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายที่สุดในตลาด
- ดีไซน์บางเฉียบและน้ำหนักเบา: ความสูงเพียง 7 ซม. ช่วยให้เข้าถึงและทำความสะอาดใต้เฟอร์นิเจอร์ที่มีพื้นที่จำกัดได้ดี
- ทำงานได้นานต่อเนื่อง: แบตเตอรี่ 1800 mAh รองรับการทำงานสูงสุด 90 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- ใช้งานง่ายแบบ One-Touch: ไม่ต้องมีแอปพลิเคชันหรือการตั้งค่าที่ซับซ้อน เพียงแค่กดปุ่ม Power ก็สามารถเริ่มทำงานได้ทันที
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| ราคาประหยัดที่สุด เป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้มีงบประมาณจำกัด หรือใช้ในพื้นที่เล็ก ๆ | พลังดูดต่ำ มีพลังดูดเพียง 800 PA ซึ่งไม่เหมาะกับการดูดฝุ่นในพรม หรือเศษขยะชิ้นใหญ่ |
| เสียงเงียบ ด้วยพลังดูดที่ไม่สูงมาก ทำให้หุ่นยนต์มีเสียงรบกวนในการทำงานต่ำมาก (55 dB) | ระบบนำทางแบบสุ่ม ใช้การเคลื่อนที่แบบสุ่ม (Random) ทำให้การทำความสะอาดไม่เป็นระบบและไม่ทั่วถึงเท่ารุ่น Mapping |
| เบาและกะทัดรัด เหมาะสำหรับการทำความสะอาดห้องขนาดเล็ก และสะดวกต่อการยก/เคลื่อนย้าย | ขาดฟีเจอร์อัจฉริยะ ไม่มี Wi-Fi, ไม่มีแอปฯ, ไม่มีการสร้างแผนที่ หรือตั้งเวลาทำงานอัตโนมัติ |
| ถังเก็บขยะขนาดใหญ่ แม้ตัวเครื่องเล็ก แต่มีกล่องเก็บขยะขนาด 460 มล. ซึ่งถือว่าใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดเครื่อง | รองรับการถูแบบแห้งเท่านั้น ไม่สามารถถูพื้นเปียก หรือมีถังเก็บน้ำสำหรับการถูเปียกได้ |
8.หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ขัดถูพื้นซักผ้าถูเองได้ ดรีมม L10 Pro สีขาว
Dreame L10 Pro คือ เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ ระดับพรีเมียม ที่สร้างมาเพื่อบ้านขนาดใหญ่ ด้วยพลังดูดสูงสุด 4000 Pa และระบบนำทางด้วยเลเซอร์ LiDAR นอกจากนั้นยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง 3D ที่ชาญฉลาด ทำให้ไม่ชนสิ่งของเล็ก ๆ และทำความสะอาดได้ต่อเนื่อง
จุดเด่นสินค้า
- พลังดูดและทำความสะอาดที่เหนือกว่า: มีแรงดูดมหาศาลถึง 4000 Pa พร้อมแปรงดูดที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เหมาะกับพื้นพรมและบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง
- ระบบนำทางและการหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง: ใช้เทคโนโลยี LiDAR ในการสร้างแผนที่ และมีเซนเซอร์ 3D ในการตรวจจับและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางขนาดเล็กได้อย่างแม่นยำ
- ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่: สามารถทำความสะอาดต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 150 นาที และรองรับการจัดการแผนที่สำหรับพื้นที่ขนาด 250 ตร.ม.
- การจัดการแผนที่อัจฉริยะ: สามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชันเพื่อกำหนดโซนห้ามเข้า, โซนเฉพาะจุด, หรือจัดตารางการทำความสะอาดตามห้องได้
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| แรงดูดสูงมาก แรงดูด 4000 Pa ทำให้จัดการฝุ่นและขนสัตว์บนพรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ | ราคาสูง เป็นหุ่นยนต์ระดับพรีเมียมที่มีราคาสูงกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วไป |
| ฉลาดในการนำทาง เทคโนโลยี LiDAR และ 3D Obstacle Detection ทำให้เดินได้รวดเร็วและไม่ติดขัด | การถูพื้นเป็นแบบธรรมดา (Inferred) การถูยังเป็นการลากแผ่นม็อบแบบทั่วไป อาจไม่เหมาะกับการขจัดคราบฝังแน่น |
| เหมาะกับบ้านขนาดใหญ่ สามารถทำงานต่อเนื่องและจัดการแผนที่บ้านหลายชั้นได้เป็นอย่างดี | ไม่มีระบบเทฝุ่นอัตโนมัติ (Inferred) รุ่น L10 Pro ส่วนใหญ่ไม่มีแท่นชาร์จแบบ Auto-Empty ผู้ใช้ยังต้องเทฝุ่นเอง |
| ฟังก์ชันซักผ้าถูเอง (ตามที่ร้านค้าอ้าง) หากมีฟังก์ชันนี้จริง จะช่วยลดภาระในการดูแลผ้าม็อบหลังการใช้งานได้มาก | ความสูงตัวเครื่อง ตัวเครื่องค่อนข้างสูงกว่ารุ่นบางพิเศษ เนื่องจากมีระบบเซนเซอร์ LiDAR อยู่ด้านบน |
9.ASAKI หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ รุ่น AK-RV9100 สีดำ
หากกำลังพิจารณาว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี สำหรับการเริ่มต้นในราคาที่สบายกระเป๋า Asaki AK-RV9100 คือคำตอบสำหรับคุณ! เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ ราคาประหยัดรุ่นนี้รองรับฟังก์ชัน 3-in-1 (กวาด, ดูดฝุ่น, ถูแห้ง) พร้อมดีไซน์บางเฉียบ 7 ซม. ที่สามารถเข้าใต้เฟอร์นิเจอร์ได้
จุดเด่นสินค้า
- ราคาเข้าถึงง่ายที่สุด: เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ราคาถูกมาก ทำให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของเทคโนโลยีทำความสะอาดอัตโนมัติได้
- ตัวเครื่องบางเป็นพิเศษ: มีความสูงเพียง 7 ซม. และน้ำหนักเบามาก (560 กรัม) เหมาะสำหรับทำความสะอาดพื้นที่แคบ ๆ และใต้เฟอร์นิเจอร์
- ฟังก์ชัน 3-in-1 สำหรับพื้นฐาน: สามารถกวาด, ดูดฝุ่น, และถูพื้นแบบแห้งได้ในเครื่องเดียวสำหรับการทำความสะอาดฝุ่นและเส้นผมทั่วไป
- การควบคุมที่ง่ายมาก: ใช้งานแบบ One-Touch เพียงแค่กดปุ่ม Power บนตัวเครื่องก็เริ่มทำงานทันที ไม่ต้องตั้งค่าที่ซับซ้อน
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| ราคาถูกมาก (Sub-1000 Baht) เป็นหนึ่งในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ราคาคุ้มค่าที่สุด | พลังดูดต่ำ แรงดูด 800 PA เหมาะกับการเก็บฝุ่นเบา ๆ เท่านั้น ไม่เหมาะกับพรมหรือเศษขยะชิ้นใหญ่ |
| ใช้งานได้ต่อเนื่อง แบตเตอรี่ขนาด 1800 mAh รองรับการทำงานได้นานถึง 90 นาทีต่อการชาร์จ | ระบบนำทางแบบสุ่ม ใช้การเคลื่อนที่แบบ Random Motion ซึ่งทำให้การทำความสะอาดไม่เป็นระบบและไม่ทั่วถึงเท่ารุ่น Mapping |
| เสียงเงียบ ความดังเพียง 55 dB ทำให้ไม่รบกวนการทำงานหรือพักผ่อนในบ้าน | ขาดฟีเจอร์อัจฉริยะ ไม่มีการเชื่อมต่อ Wi-Fi, ควบคุมผ่านแอปฯ, การสร้างแผนที่, หรือการชาร์จไฟกลับแท่นชาร์จเอง |
| ถังเก็บขยะขนาดใหญ่ (460 มล.) ขนาดถังเก็บฝุ่นค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับตัวเครื่อง | การถูพื้นแบบแห้งเท่านั้น ไม่มีการควบคุมระดับน้ำหรือถังเก็บน้ำสำหรับการถูเปียก |
10.หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ เสียวหมี่ E10 EU สีขาว
กำลังตัดสินใจอยู่ใช่ไหมว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่าและช่วยประหยัดเวลาทำความสะอาด? ขอแนะนำ Xiaomi Smart Robot Vacuum E10 EU ที่มาพร้อมแรงดูดทรงพลัง 4000 Pa และฟังก์ชันดูดและถู 2-in-1
ใช้งานง่ายด้วยระบบนำทาง Gyroscope ที่ช่วยให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง พร้อมแบตเตอรี่ที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดกลางได้สบาย ให้บ้านคุณสะอาดหมดจดได้โดยที่คุณไม่ต้องเหนื่อย
จุดเด่นสินค้า
- แรงดูดทรงพลัง: มอเตอร์ดูดฝุ่นให้แรงดูดสูงสุดถึง 4000 Pa สามารถเก็บฝุ่นละอองขนาดเล็กและสิ่งสกปรกได้ดีเยี่ยม
- ระบบทำความสะอาด 2-in-1: สามารถดูดฝุ่นและถูพื้นได้พร้อมกันในรอบเดียว ด้วยถังเก็บฝุ่นขนาด 400 มล. และถังเก็บน้ำขนาด 200 มล.
- การนำทางที่ชาญฉลาด: ใช้ระบบ Gyroscope ในการวางแผนเส้นทางการทำความสะอาด เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่อย่างมีระเบียบ
- เคลื่อนที่คล่องตัว: สามารถปีนข้ามสิ่งกีดขวางได้สูงสุดถึง 15 มิลลิเมตร เช่น พรมหรือธรณีประตูเตี้ย ๆ
ข้อดี-ข้อเสีย
| ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
| แรงดูดสูง ถึง 4000 Pa เหมาะกับการทำความสะอาดเชิงลึก | ถังเก็บขนาดเล็ก (ฝุ่น 400 มล./น้ำ 200 มล.) อาจต้องเททิ้ง/เติมน้ำบ่อยครั้ง |
| ฟังก์ชันครบ ดูดฝุ่นและถูพื้นได้ในตัว | แบตเตอรี่ (2600 mAh) อาจไม่เพียงพอสำหรับบ้านที่มีขนาดใหญ่มาก |
| ราคาเข้าถึงง่าย เมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นพรีเมียม | ระบบนำทาง Gyroscope อาจมีความแม่นยำน้อยกว่าระบบ LDS/LiDAR ในการสร้างแผนที่ |
| ปีนสิ่งกีดขวางได้ สูงสุด 15 มม. ช่วยให้ทำงานได้ราบรื่น | ขาดฟังก์ชันขั้นสูง เช่น ระบบจดจำและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแบบ AI |
ส่องวิธีเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ที่กูรูงานบ้านไม่เคยบอก
กำลังมองหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอยู่ใช่ไหม? เราสรุปมาให้แล้ว! วิธีเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดี ที่กูรูเรื่องงานบ้านไม่เคยบอก ให้คุณได้ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ตรงกับขนาดและไลฟ์สไตล์ในบ้านคุณ
- ระบบนำทาง (Navigation):
- Laser (LDS) แม่นยำที่สุด สร้างแผนที่ละเอียด เหมาะกับบ้านที่มีสิ่งกีดขวางเยอะ
- Camera (vSLAM) ใช้กล้องในการนำทาง
- ประสิทธิภาพการทำความสะอาด:
- แรงดูด: ควรเลือกกำลังดูดที่เหมาะสม (บ้านทั่วไป 10-15 kPa) แต่ถ้ามีพรมหรือสัตว์เลี้ยงควรเลือกรุ่นที่แรงดูดสูง
- ระบบแปรง: แปรงคู่จะเก็บฝุ่นได้ดีกว่าแปรงเดี่ยว
- การใช้งาน:
- แบตเตอรี่: ต้องเพียงพอต่อการทำความสะอาดทั้งพื้นที่ใน 1 ครั้ง
- กล่องเก็บฝุ่น: พิจารณาความจุ รุ่นที่มีระบบ Self-Empty (ดูดฝุ่นเข้าแท่นเก็บเอง) จะสะดวกมาก
- ขนาดตัวหุ่น: ควรเล็กพอที่จะเข้าใต้เฟอร์นิเจอร์ได้
- ระดับเสียง: ควรเลือกที่เสียงเบาถ้าไม่ต้องการรบกวน
- ฟังก์ชันเสริม: เช่น ฟังก์ชันถูพื้น (Mopping), ควบคุมผ่านแอป, ตั้งเขตห้ามเข้า (No-go Zone)
บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง/พรม ควรเน้น แรงดูดสูง และ แปรงดี ส่วนบ้านใหญ่/มีเฟอร์นิเจอร์เยอะ เน้นระบบ Laser Navigation และกล่องเก็บฝุ่นใหญ่
คำถามที่คนถามบ่อยมากกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี
ก่อนซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น นอกจากคำถามหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีแล้ว ยังมีคำถามคาใจอีกมากมายที่ถูกถามในอินเตอร์เนต OFM รวมมาให้แล้วกับ 3 คำถามยอดฮิตที่คนถามเยอะเกี่ยวกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
1. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง
ถ้าต้องการรุ่นคุ้มค่าในงบประหยัด แบรนด์อย่าง Xiaomi, Eufy และ Haier เป็นตัวเลือกยอดนิยม เพราะมีแรงดูดดี ฟังก์ชันพื้นฐานครบ และใช้งานง่ายโดยไม่ต้องลงทุนสูง
2. ควรเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นไหนดี สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง?
ควรเลือกรุ่นที่มีแรงดูดสูง ไส้กรอง HEPA และแปรงป้องกันขนพัน เช่น Dreame, Roborock หรือ iRobot เพื่อจัดการขนสัตว์ได้ดีและลดฝุ่นแพ้ง่ายในบ้าน
3. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถขึ้นลงพื้นต่างระดับหรือพรมได้หรือไม่?
หุ่นยนต์ส่วนใหญ่สามารถปีนขอบพื้นหรือพรมได้ประมาณ 1.5–2 ซม. และจะเพิ่มพลังดูดอัตโนมัติเมื่อขึ้นพรม แต่หากพื้นต่างระดับสูงกว่านี้ควรใช้รางเชื่อมหรือเลือกโมเดลที่รองรับการไต่พื้นที่สูงเป็นพิเศษ.
บ้านสะอาดแบบไม่เปลืองแรงกับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
ในแต่ละวันเรามีเวลาเพียง 24 ชั่วโมง การบริหารเวลาจึงสำคัญมาก! เพื่อให้คุณมีเวลาไปทำสิ่งสำคัญอื่น ๆ การใช้ตัวช่วยทุ่นแรงในเรื่องงานบ้านจึงเป็นทางออกที่ดี หุ่นยนต์ดูดฝุ่น คือผู้ช่วยที่สมบูรณ์แบบในการจัดการงานทำความสะอาดพื้น
OFM เข้าใจดีว่าการเลือกซื้อเป็นเรื่องยาก จึงได้รวบรวม 10 สุดยอดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยประหยัดเวลาและแรงของคุณ ให้คุณได้เลือกซื้อรุ่นที่เหมาะกับบ้านที่สุด เพื่อเอาเวลาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช้อปเลยวันนี้ พร้อมโปรโมชั่นมากมายที่ OFM.co.th
ดีลสุดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่! 🔥
🛍️ ซื้อครบ 999.- ใส่โค้ด “NEW10” รับส่วนลด 10% (สูงสุด 1,000 บาท)
💥รับคะแนน The 1 X3 (1,000 บาท)
🎯 ยิ่งช้อป ยิ่งลด! อย่าพลาดดีลสุดคุ้มวันนี้!
📌 ช้อปเลย 👉 https://www.ofm.co.th









