มนุษย์เงินเดือนเริ่มหันมาขายของออนไลน์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะซื้อมาขายไปหรือผลิตสินค้าขึ้นเอง ในขณะที่รายได้กำลังไปได้สวยแต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่าขายของออนไลน์ก็ต้องเสียภาษีด้วยเช่นกัน ที่สำคัญคือไม่รู้วิธีจัดการกับเรื่องภาษีว่าต้องทำอย่างไร หากต้องการให้ธุรกิจดำเนินต่อไปโดยไร้ความกังวลและไม่สะดุด ลองสละเวลาสักนิดเพื่อทำความเข้าใจเรื่องภาษี แล้วจะรู้ว่าไม่ยากอย่างที่คิด ยื่นภาษี ไม่ได้แปลว่าต้องเสียภาษีเสมอไป การเสียภาษีถือเป็นหน้าที่ของผู้มีรายได้ การขายของออนไลน์แล้วเกิดรายได้ก็ถือว่าเป็นผู้มีรายได้อีกรูปแบบหนึ่ง จึงจำเป็นที่จะต้องยื่นภาษีตามที่กฎหมายกำหนดตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากรไว้ว่า ถ้ามีรายได้ต่อปีเกิน 60,000 บาทต่อปีภาษีต้องยื่นภาษีทุกกรณี แม้ว่าสุดท้ายคำนวณออกมาแล้วจะไม่เสียภาษีก็ตาม นี่จึงเป็นอีกจุดที่คนขายของออนไลน์มักไม่เข้าใจ และทำพลาดอยู่เสมอ…
ผ่านปีเก่ากันไป เข้าสู่ช่วงปีใหม่เลยต้องกลับมาย้ำเตือนเรื่องการจ่ายภาษีอีกครั้ง ซึ่งการจ่ายภาษีน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับการนำ “เงินได้สุทธิ” คูณกับอัตราภาษี หากเงินได้สุทธิน้อย ก็จะทำให้ประหยัดภาษีลงไปได้นั่นเอง แต่การที่จะคำนวณเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินได้สุทธิ ต้องกลับไปย้อนดูที่สิทธิลดหย่อนภาษี รวมถึงค่าใช้จ่ายซึ่งคิดจากประเภทของเงินได้ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเรื่องรายได้ หรือเงินได้พึงประเมิน ว่าหากคุณทำอาชีพแบบนี้ จะคิดเป็นเงินได้พึงประเมินที่ประเภทไหน แล้วสามารถหักลบค่าใช้จ่ายได้เท่าไหร่ ก่อนจะนำไปคำนวณภาษี ไปดูกันเลย ทำไมต้องแบ่งประเภทเงินได้พึงประเมิน? เหตุผลที่ต้องมีการแบ่งประเภทของเงินได้พึงประเมิน เนื่องจากการประกอบอาชีพและช่องทางในการหารายได้ของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน…
กลับมาอีกครั้งในช่วงใกล้สิ้นปี กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแบ่งเบาภาระผู้เสียภาษีด้วย“ช็อปช่วยชาติ 2561” ซึ่งทางคณะรัฐมนตรีได้ออกประกาศมาตรการช็อปช่วยชาติปี2561 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดคือรายการสินค้าที่เข้าร่วมโครงการช็อปช่วยชาติ ลองมาดูรายละเอียดในมาตรการช็อปช่วยชาติของปีนี้กันดีกว่าค่ะ ว่าใครได้ผลประโยชน์ และใช้จริงต้องทำอย่างไร ช็อปช่วยชาติ 2561 กลุ่มตลาดใดได้ผลประโยชน์ อย่างที่บอกไปว่าโครงการช็อปช่วยชาติ 2561 แตกต่างออกไปจากปีที่ผ่านๆมา ส่วนหนึ่งเนื่องจากกระแสของปีก่อนๆ สะท้อนว่าโครงการช็อปช่วยชาติอาจเป็นการหนุนให้กับกลุ่มนายทุนรายใหญ่เสียมากกว่าประชาชนผู้ค้ารายย่อยทำให้ปีนี้ทางรัฐบาลได้ปรับเปลี่ยน…
ช่วงต้นปีแบบนี้ ผู้มีรายได้ทั้งหลายคงกำลัง(แอบ)คิดถึงเรื่องการเสียภาษีกันอยู่ใช่ไหมเอ่ย การเสียภาษี เป็นหน้าที่ของประชาชนผู้มีรายได้ที่ต้องจ่ายให้กับภาครัฐตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อภาครัฐจะได้นำเงินในส่วนนี้ไปทำประโยชน์และพัฒนาประเทศต่อไปนั่นเอง ส่วนใครที่จงใจเลี่ยงการเสียภาษีหรือแจ้งข้อมูลเท็จเพื่อให้จ่ายภาษีน้อยลง มีโทษตามกฎหมายทั้งจำทั้งปรับขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี ทางที่ดีทำให้ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่แรกดีกว่าโนะ “รายได้” คืออะไรในทางภาษี รายได้ หรือ เงินได้ คือ รายรับที่เราได้รับจากการทำงาน จากปล่อยเช่าอสังหาฯ จากการลงทุน และอื่นๆ ตลอดทั้งปีภาษี และเป็นเงินที่กฏหมายบังคับให้เราต้องนำมาประเมินเพื่อเสียภาษี…
1.1 ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัว สำหรับผู้ยื่นภาษีทุกคน สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาทต่อปี เป็นสิทธิค่าลดหย่อนแบบเหมา 1.2 ค่าลดหย่อนภาษีคู่สมรส ผู้ยื่นภาษีที่ต้องดูแลคู่สมรส สามารถใช้สิทธิคู่สมรสมาลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาท เงื่อนไข คือ ต้องจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย และคู่สมรสต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้ตลอดปีภาษี เช่น สามีทำงานคนเดียว ดูแลภรรยาที่ไม่มีรายได้…
2.1 ค่าลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันสังคม สำหรับผู้ยื่นภาษีที่จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนประกันสังคม ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามจ่ายจริงและสูงสุดไม่เกิด 9,000 บาท ต่อคน เนื่องจากเพดานประกันสังคมสูงสุดคนละ 750 บาทต่อเดือน ตลอด 1 ปี รวมเป็นเงิน 9,000 บาทนั่นเอง 2.2 ค่าลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป เงินฝากแบบมีประกันชีวิต และประกันสุขภาพ…
3.1 ค่าลดหย่อนภาษีค่าซื้อกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) สำหรับกองทุนหุ้นระยะยาว หรือ LTF ในปี 2563 นี้ ไม่ได้ไปต่อ ส่วนใครที่มีหุ้น LTF อยู่ในมือ (ซื้อก่อนปี 2563) ให้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามเกณฑ์เดิม คือ ผู้ยื่นภาษีสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน LTF ได้…
4.1 ลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัย ผู้ยื่นภาษีสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามจ่ายจริง ต่อที่อยู่อาศัยหนึ่งหลังได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ที่อยู่อาศัยในที่นี้สามารถเป็นได้ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโด ห้องชุด ทาวน์เฮ้าส์ ฯลฯ และหากมีการกู้ร่วมกัน การใช้สิทธิลดหย่อนจะต้องหารเท่าๆ กัน เช่นหากมีการกู้ร่วม 2 คน จะได้สิทธิสูงสุดคนละ 50,000 บาท…
“สำหรับเงินลดหย่อนภาษีในกลุ่มที่ 5 หรือกลุ่มการบริจาค จะต้องคิดหลังจากหักค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มอื่นๆ ไปแล้ว” 5.1 ลดหย่อนภาษีจากเงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา และการพัฒนาสังคม เงินบริจาคในส่วนนี้สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาคจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนภาษีกลุ่ม 1- 4 ไปแล้ว ตรวจสอบรายชื่อสถาบันการศึกษาได้ที่: http://www.rd.go.th/publish/28654.0.html…