
วันนี้ OfficeMate พาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับ Dropship หรือ Drop Shipping ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นธุรกิจทำกำไรและใช้เงินลงทุนต่ำ ไปดูกันว่า Dropship นี้ คืออะไร? มีขั้นตอนการทำธุรกิจอย่างไร? และมีข้อดีหรือข้อเสียอะไรบ้าง? เผื่อเป็นไอเดียให้ใครที่กำลังมองหาอาชีพเสริมหรืออาชีพทำเงินใหม่ๆ ว่าแล้วก็ ไปดูกันเลยค่ะ
Dropship คืออะไร?
Dropship หรือ Drop Shipping เป็นธุรกิจขายปลีกออนไลน์ ผู้ที่เป็น Dropship จะทำหน้าที่เอาข้อมูลสินค้า รูปภาพ ราคา และรายละเอียดต่างๆ ของสินค้ามาโพสต์ขายบนเว็บไซต์หรือมาร์เก็ตเพลส โดยที่ไม่ต้องสต็อกสินค้าเอาไว้เอง เมื่อลูกค้าสั่งซื้อและชำระเงิน Dropship ก็จะส่งออเดอร์และเงินต่อไปให้พาร์ทเนอร์หรือซัพพลายเออร์ที่เป็นเจ้าของสินค้าตัวจริง เพื่อให้ทำการส่งพัสดุนั้นๆ ให้ลูกค้า เรียกง่ายๆ ว่าเป็นธุรกิจที่มีตัวกลางหรือตัวแทนจำหน่ายนั่นเอง

ขั้นตอนการ Dropship
เพื่อให้เห็นภาพของธุรกิจมากขึ้น ไปดูขั้นตอนการ Dropship กัน
- มองหาพาร์ทเนอร์หรือซัพพลายเออร์ อาจเป็นโรงงาน ร้านค้าทั่วไป หรือแบรนด์สินค้าต่างๆ เพื่อติดต่อ ดีลสินค้า และเป็นตัวแทนจำหน่าย
- เปิดร้านขายของออนไลน์ อาจเปิดบนโซเชียลมีเดีย Facebook หรือ Instagram หรือเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสอย่าง Lazada หรือ Shopee
- โพสต์ขายสินค้าโดยนำรูปภาพและรายละเอียดต่างๆ ของสินค้ามาจากพาร์ทเนอร์ของคุณ
- เมื่อมีคำสั่งซื้อจากลูกค้า คุณจะรับหน้าที่เป็นตัวแทนตอบคำถามต่างๆ ทั้งเรื่องราคา ค่าจัดส่ง และอื่นๆ หลังปิดดีลการขาย ลูกค้าชำระเงินเรียบร้อย ก็จะเข้าถึงสเต็ปของการ Dropship
- เมื่อลูกค้าชำระเงินเสร็จสิ้น หน้าที่ของคุณ คือ ส่งต่อคำสั่งซื้อและเงินค่าสินค้าให้กับพาร์ทเนอร์ พาร์ทเนอร์จะทำการแพ็คและจัดส่งพัสดุถึงมือลูกค้าโดยตรง
รายได้จากการทำธุรกิจ Dropship มาจากไหน?
ดูเหมือนจะเป็นแค่คนรับออเดอร์แล้วส่งต่อ แต่รายได้จากการทำธุรกิจ Dropship ก็มาจากส่วนต่างของออเดอร์ เช่น ราคาสินค้าของซัพพลายเออร์ 100 บาท เมื่อเข้าสู่การ Dropship ราคาที่โพสต์ขายหน้าเว็บไซต์ของตัวแทน เท่ากับ 120 บาท นั่นแปลว่า ส่วนต่างที่คุณจะได้รับหากเป็นตัวแทนขายก็คือ 20 บาท นั่นเอง
ส่วนใหญ่นอกจากค่าส่วนต่างแล้ว ก็จะมีการบวกเพิ่มค่าจัดส่งลงไปอีก ซึ่งในขั้นตอนการตั้งราคาขายสำหรับสินค้า Dropship แนะนำว่าคนเป็นตัวแทนควรดีลราคาค่าส่วนต่างจากพาร์ทเนอร์หรือซัพพลายเออร์ให้ลงตัวก่อน จะได้ไม่มีการเข้าใจผิดกันภายหลัง และอย่าลืมสำรวจราคาตลาด เพราะถ้าส่วนต่างเยอะ ราคาสูงเกินไป ก็อาจจะไม่มีคนซื้อ
Dropship จากที่ไหนได้บ้าง?

การ Dropship อาจจะยังไม่แพร่หลายในบ้านเรา แต่เว็บไซต์ต่างประเทศหลายเว็บเปิดให้ Dropship ได้ แพลตฟอร์มการทำ Dropship ยอดนิยม เช่น
- Alibaba เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจากจีน มีสินค้าหลากหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน
- Amazon เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังจากอเมริกา มีสินค้าหลากหลาย ครอบคลุมการจัดจำหน่ายและผู้ผลิตทั่วโลก
- Ebay อีกหนึ่งเว็บไซต์ชื่อดังจากฝั่งอเมริกา ขายทั้งของมือหนึ่งและมือสอง ครอบคลุมการจัดจำหน่ายไปทั่วโลกเช่นกัน
นอกจากนั้น ก็สามารถ Dropship จากร้านค้าหรือแบรนด์สินค้าโดยตรง ผ่านการพูดคุยรายละเอียดและดีลกันให้เรียบร้อย
ข้อดีของการทำ Dropship
- การทำ Dropship แทบจะไม่ต้องใช้เงินลงทุน เหมาะสำหรับคนอยากทำธุรกิจแต่มีเงินลงทุนต่ำ และไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี สามารถไปเลือกหาสินค้าที่สนใจมาขายได้เลย โดยไม่ต้องผลิตเอง
- รูปแบบการทำธุรกิจค่อนข้างง่าย เพียงแค่รอรับออเดอร์จากลูกค้าเท่านั้น เพราะข้อมูลรายละเอียดสินค้า หรือรูปภาพต่างๆ สามารถนำมาจากซัพพลายเออร์ได้เลย แต่อาจจะต้องทำการโฆษณาเพื่อดึงดูดคนเข้ามาซื้อสินค้า
- ไม่ต้องสต็อกสินค้า ไม่ต้องแพ็คของ และไม่ต้องจัดส่งด้วยตัวเอง ทำธุรกิจได้โดยไม่ต้องใช้พื้นที่หรือเสียค่าสต็อกสินค้า ไม่ต้องห่วงต้นทุนจม
- เปลี่ยนสินค้าและอัปเดตสินค้าใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกังวลกับสต็อก
นอกจากนั้น ในมุมของร้านค้าหรือแบรนด์ที่มีตัวแทนจำหน่าย การ Dropship ยังช่วยให้แบรนด์ขายสินค้าได้มากขึ้น และเป็นการขยายโอกาสให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ผ่านทางตัวแทน Dropship ได้มากขึ้นอีกด้วย ถือเป็นประโยชน์ วิน-วิน กันทั้งสองฝ่าย
ข้อควรระวังของการทำ Dropship

แม้จะดูเป็นธุรกิจง่ายๆ สบายๆ และมีข้อดีที่ดึงดูดใจ แต่การทำ Dropship ก็มีภาระและต้องแบกรับความเสี่ยงไม่น้อยไปกว่าการทำธุรกิจอื่นๆ เช่น
- คุณไม่มีวันรู้ว่าสินค้าที่ถึงมือลูกค้านั้นเป็นอย่างไร หากสินค้าเกิดเสียหาย ไม่ตรงปก หรือห่อพัสดุไม่เรียบร้อย ก็พลอยจะทำให้ร้าน Dropship ของเราเสียชื่อไปด้วย ข้อนี้แนะนำว่าให้หาซัพพลายเออร์ที่ไว้ใจได้ หรือทดลองสั่งของมาใช้เองก่อน เพื่อดูความ Flow ในการจัดส่ง รวมไปถึงคุณภาพสินค้า
- คุณไม่รู้จำนวนสต็อกสินค้าที่แท้จริง เพราะไม่ได้สต็อกด้วยตัวเอง หากลูกค้าสั่งแล้ว ชำระเงินแล้ว แต่สินค้าไม่พร้อมจัดส่ง ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นได้ แนะนำว่าให้คอยตรวจสอบสต็อกกับซัพพลายเออร์อย่างสม่ำเสมอ และอัพเดตสเตตัสสินค้าบนหน้าเว็บไซต์ให้ลูกค้าได้ทราบ จะได้ไม่เสียลูกค้าในภายหลัง
- การ Dropship แม้จะไม่ต้องใช้เงินลงทุน แต่ก็ได้กำไรน้อย เพราะเงินที่ได้มาจากค่าส่วนต่างล้วนๆ ซึ่งหากตั้งราคาค่าส่วนต่างเยอะจนสินค้าแพงขึ้นหรือแพงว่าราคาตลาด ลูกค้าก็พร้อมจะหนีไปซื้อที่ร้านอื่นทันที
อ่านมาถึงตรงนี้ Dropship เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจลงทุน เพราะแทบจะไม่ต้องใช้ทุนและไม่ต้องปวดหัวกับการผลิตหรือสต็อกสินค้า แต่ก็อย่างที่บอก เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นการทำธุรกิจก็ย่อมมีความเสี่ยงและมีภาระที่ต้องแบกรับ ไม่มีธุรกิจไหนที่มีแต่ข้อดีแน่นอน
ใครพร้อมจะเริ่มต้น Dropship นอกจากมองหาซัพพลายเออร์แล้ว ก็อย่าลืมลงทุนกับอุปกรณ์การสื่อสาร เพราะเป็นเครื่องมือหลักในการทำธุรกิจนี้ เข้ามาช้อปโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนสเปคเทพ เอาไปดีลซัพพลายเออร์และรอรับออเดอร์ลูกค้าเลยที่ OfficeMate ช้อปวันนี้ส่งฟรีเมื่อสั่งซื้อครบ 499 บาท!
ขอบคุณข้อมูลจาก