How to เลือกอุปกรณ์ PPE อย่างไรให้ตรงงาน ปลอดภัยจริง ไม่เสียเงินฟรี 

ในทุกสายอาชีพที่มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง งานช่าง หรือแม้แต่งานทำความสะอาด สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ อุปกรณ์ PPE 

เพราะอุบัติเหตุจำนวนมากไม่ได้เกิดจากความประมาทเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการเลือกอุปกรณ์ป้องกันที่ “ไม่เหมาะกับลักษณะงาน” การเข้าใจว่า อุปกรณ์ป้องกันอันตราย ส่วนบุคคล PPE คืออะไร และควรใช้อย่างไร จึงเป็นพื้นฐานของความปลอดภัยที่แท้จริง

Key Takeaways

• อุปกรณ์ PPE ต้องเลือกให้ตรงกับความเสี่ยงของงาน ไม่ใช่เลือกจากราคา หรือใช้แบบเดียวกันทุกงาน
• การประเมินลักษณะงานคือจุดเริ่มต้นของความปลอดภัย เพราะช่วยระบุได้ว่าควรป้องกันส่วนใดของร่างกายเป็นหลัก
• PPE แต่ละประเภทมีหน้าที่เฉพาะทาง เช่น ป้องกันการกระแทก ฝุ่น สารเคมี หรือการลื่นล้ม การเลือกให้ถูกประเภทจึงสำคัญ
• มาตรฐานความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสะท้อนว่าผ่านการทดสอบและใช้งานได้อย่างมั่นใจ
• PPE ที่ดีต้องใส่สบายและเหมาะกับการใช้งานจริง เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสวมใส่อย่างต่อเนื่องและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมการเลือก PPE ให้เหมาะกับงานจึงสำคัญกว่าที่คิด

การมีอุปกรณ์ PPE เพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้รับความปลอดภัยสูงสุด หากใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมกับหน้างาน นอกจากจะป้องกันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงอันตราย เช่น การใช้ถุงมือผิดประเภทจนเสียการควบคุม หรือการใช้หน้ากากที่กรองสารเคมีไม่ตรงกับชนิดงาน

ในโรงงานอุตสาหกรรม เรามักพบว่า อุปกรณ์ PPE ในโรงงาน มีหลากหลายชนิด เพราะความเสี่ยงแต่ละจุดไม่เหมือนกัน การเลือกให้ตรงกับงานจึงช่วยลดอุบัติเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุนจากการบาดเจ็บหรือหยุดงานโดยไม่จำเป็น

วิธีการเลือกอุปกรณ์ PPE ให้เหมาะกับงานและปลอดภัยจริง

การเลือกอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยทุกชนิด ไม่ควรดูแค่ราคา หรือเลือกตามที่ “คนอื่นใช้กัน” แต่ควรเริ่มจากความเข้าใจลักษณะงานและความเสี่ยงที่แท้จริง เพราะอุปกรณ์ PPE ที่เหมาะสมจะช่วยลดอุบัติเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และปกป้องผู้ปฏิบัติงานได้อย่างยั่งยืน

1. ประเมินความเสี่ยงของงานก่อนเลือก PPE

ขั้นตอนแรกคือการวิเคราะห์ว่างานนั้นมีอันตรายจากอะไรบ้าง เช่น

• ของมีคม การกระแทก หรือของตกหล่น
• ฝุ่น สารเคมี ไอระเหย หรือเชื้อโรค
• ความร้อน เสียงดัง หรือไฟฟ้า
• การลื่นล้ม หรือการยืน–เดินเป็นเวลานาน

เมื่อรู้ความเสี่ยงแล้ว จะช่วยตอบได้ชัดเจนว่าอุปกรณ์ PPEชิ้นใด “จำเป็น” และชิ้นใด “ไม่จำเป็น”

2. เลือกประเภท PPE ให้ตรงกับลักษณะงาน

อุปกรณ์ PPE มีหลายประเภท เช่น ถุงมือ หมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย หน้ากาก ชุดป้องกันร่างกาย และรองเท้านิรภัย แต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันอันตรายคนละด้าน การเลือกให้ตรงกับหน้าที่จะช่วยให้ป้องกันได้จริง ไม่เกินความจำเป็น และไม่รบกวนการทำงาน

3. ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย

อุปกรณ์ PPEที่ดีควรผ่านมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น มอก., EN, ANSI หรือ ISO ซึ่งเป็นหลักประกันว่าอุปกรณ์นั้นผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยแล้ว การเลือก PPE ที่ไม่มีมาตรฐาน อาจดูประหยัดในระยะสั้น แต่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุในระยะยาว

4. เลือกขนาดและความสบายในการสวมใส่

อุปกรณ์ PPE ที่เหมาะสมต้องใส่แล้วไม่อึดอัด ไม่หลวม ไม่คับเกินไป เพราะหากผู้ใช้งานรู้สึกไม่สบาย อาจถอดออกหรือใช้งานไม่ถูกต้อง ซึ่งทำให้การป้องกันลดลงทันที ขนาดที่เหมาะสมจะช่วยให้อุปกรณ์ PPEทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. พิจารณาความเหมาะสมกับระยะเวลาใช้งาน

บางงานต้องใส่ อุปกรณ์ PPE เพียงช่วงสั้น ๆ ขณะที่บางงานต้องสวมใส่ตลอดทั้งวัน การเลือกวัสดุ น้ำหนัก และการระบายอากาศจึงสำคัญมาก เช่น งานร้อนควรเลือกอุปกรณ์ที่ระบายอากาศดี เพื่อลดความอ่อนล้าและความเสี่ยงต่อสุขภาพ

รวม 20 ไอเทมอุปกรณ์ PPE ที่ต้องมี ใช้งานจริง ปลอดภัยทุกหน้างาน

ทำงานให้ปลอดภัยเริ่มต้นจากการเลือกอุปกรณ์ PPE ที่เหมาะกับความเสี่ยงในแต่ละงาน มัดรวม 20 ไอเทมสำคัญ ตั้งแต่งานโรงงาน ก่อสร้าง ไปจนถึงงานภาคสนาม ใช้ได้จริง ไม่ซื้อเกินจำเป็น

1.หมวกนิรภัย REDHAND รุ่น SC-03RHDPE-OL ขนาด 16 x 21 x 21 ซม.

หมวกนิรภัย REDHAND รุ่น SC-03RHDPE-OL คือ อุปกรณ์ PPE สำคัญสำหรับงานก่อสร้าง งานโรงงาน และงานที่มีความเสี่ยงต่อศีรษะ ได้มาตรฐาน มอก. ผลิตจาก HDPE แข็งแรง น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ใช้งานได้ทุกวันอย่างมั่นใจ

จุดเด่นสินค้า

• มาตรฐานความปลอดภัย: ผ่านมาตรฐาน มอก.368-2554 มั่นใจในการใช้งานตามหลักอุตสาหกรรม
• วัสดุ HDPE แข็งแรง: ทนต่อแรงกระแทกและการฉีกขาด อายุการใช้งานยาวนาน
• ไม่นำไฟฟ้า: เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าและพื้นที่เสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
• ระบบปรับเลื่อน: ปรับขนาดได้ตามศีรษะ สวมใส่กระชับ ไม่หลุดง่าย
• สวมใส่สบาย: น้ำหนักเบา พร้อมแผ่นซับเหงื่อ ลดการระคายเคือง เหมาะเป็น อุปกรณ์ PPE สำหรับใช้งานต่อเนื่อง

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
ผลิตจาก HDPE แข็งแรง ทนแรงกระแทก	ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการการป้องกันสารเคมี
ได้มาตรฐาน มอก. ใช้งานได้ถูกต้องตามกฎหมาย	ไม่มีฉนวนกันความร้อนสูงโดยเฉพาะ
น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ไม่กดศีรษะ	ดีไซน์เน้นการใช้งานมากกว่าความแฟชั่น
ไม่นำไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัย	ใช้เฉพาะการป้องกันศีรษะ ไม่ครอบคลุมส่วนอื่น
เหมาะสำหรับใช้เป็น อุปกรณ์ PPE พื้นฐานในทุกหน้างาน	ต้องใช้ร่วมกับ PPE อื่นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

2.หมวกเซฟตี้ มีรูระบายอากาศ+กระบังหน้า S-TOP

หมวกเซฟตี้ S-TOP คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการทั้งความปลอดภัยและความสบายขณะทำงาน มาพร้อมรูระบายอากาศและกระบังหน้าใส ช่วยป้องกันแรงกระแทกและสะเก็ด ตามมาตรฐาน CE และ EN 397

จุดเด่นสินค้า

• มาตรฐานสากล: ผ่านมาตรฐาน CE และ EN 397 ใช้งานได้ในงานอุตสาหกรรมระดับมืออาชีพ
• วัสดุ ABS แข็งแรง: มีความยืดหยุ่น ทนแรงกระแทก และไม่แตกง่าย
• รูระบายอากาศ: ช่วยลดความอับร้อน เหมาะกับการสวมใส่ต่อเนื่อง
• กระบังหน้าใส: ป้องกันสะเก็ดและสิ่งกระเด็น เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
• ระบบปรับหมุน + สายรัด 4 จุด: ปรับกระชับตามศีรษะ สวมใส่มั่นคง ปลอดภัย

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
วัสดุ ABS แข็งแรง ยืดหยุ่น ทนแรงกระแทก	ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการการป้องกันสารเคมี
มีรูระบายอากาศ ลดความร้อนขณะทำงาน	ไม่มีฉนวนกันความร้อนสูงโดยเฉพาะ
เสริมกระบังหน้าใส ป้องกันสะเก็ด	ดีไซน์เน้นการใช้งานมากกว่าความแฟชั่น
ไม่นำไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัย	ใช้เฉพาะการป้องกันศีรษะ ไม่ครอบคลุมส่วนอื่น
เหมาะเป็น อุปกรณ์ PPE สำหรับงานโรงงานและไซต์งาน	ต้องใช้ร่วมกับ PPE อื่นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

3.หมวกนิรภัยปรับหมุน 4 จุด เหลือง ดีไลท์ 60UPSUP-07-Y

หมวกนิรภัย ดีไลท์ รุ่น 60UPSUP-07-Y คือ อุปกรณ์ PPE พื้นฐานที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างและงานอุตสาหกรรมทั่วไป ผลิตจาก HDPE น้ำหนักเบา ระบบปรับหมุน 4 จุด สวมใส่กระชับ ได้มาตรฐาน มอก. ใช้งานได้อย่างมั่นใจ

จุดเด่นสินค้า

• วัสดุ HDPE น้ำหนักเบา: แข็งแรง ทนทาน สวมใส่สบาย ไม่กดศีรษะ
• รองใน 4 จุด ปรับหมุน: กระชับศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย รองในถอดเปลี่ยนได้
• แผ่นรองซับเหงื่อ: ช่วยลดความอับชื้นและการระคายเคืองบริเวณหน้าผาก
• รองรับอุปกรณ์เสริม: สามารถใช้ร่วมกับกระบังหน้านิรภัยและอุปกรณ์ PPE อื่นได้
• ผ่านมาตรฐาน มอก.: เหมาะสำหรับใช้งานเป็น อุปกรณ์ PPE ในหน้างานอย่างถูกต้อง

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
ผลิตจาก HDPE แข็งแรง น้ำหนักเบา	ไม่มีรูระบายอากาศ
ระบบปรับหมุน 4 จุด ใส่กระชับ	ไม่มีกระบังหน้าในตัว
รองในถอดเปลี่ยนได้ ดูแลรักษาง่าย	ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม
รองรับการใช้งานร่วมกับ PPE อื่น	ดีไซน์เน้นการใช้งานมากกว่าความสวยงาม
ได้มาตรฐาน มอก. ใช้งานได้มั่นใจ	ป้องกันเฉพาะศีรษะ ไม่ครอบคลุมใบหน้า

4.แว่นตานิรภัยเลนส์ใส 3M V34

แว่นตานิรภัยเลนส์ใส 3M V34 คือหนึ่งในอุปกรณ์โรงงานที่สำคัญสำหรับงานช่าง งานโรงงาน และงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการปกป้องดวงตา ออกแบบมาเพื่อชาวเอเชียโดยเฉพาะ เลนส์ใส มองเห็นชัด ป้องกันสะเก็ดและรังสี UV ตามมาตรฐานสากล

จุดเด่นสินค้า

• ออกแบบเพื่อชาวเอเชีย: สวมใส่กระชับ เข้ากับรูปหน้า ไม่หลวม ไม่กดเจ็บ
• เลนส์โพลีคาร์บอเนต: แข็งแรง ทนแรงกระแทก ให้ภาพคมชัดเหมือนจริง
• เคลือบกันฝ้า: ลดการเกิดฝ้าขณะทำงานต่อเนื่อง เพิ่มความปลอดภัยในการมองเห็น
• ป้องกันรังสี UV: ป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99.9% ช่วยถนอมสายตา
• ผ่านมาตรฐานสากล: ได้รับรอง ANSI Z87.1 และ CSA Z94.3 เหมาะเป็น อุปกรณ์ PPE ระดับมืออาชีพ

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
เลนส์ใส มองเห็นชัด ไม่เพี้ยนสี	ไม่เหมาะกับงานแสงจ้าเป็นพิเศษ
เลนส์แข็งแรง ทนแรงกระแทก	ไม่กันสารเคมีเหลวโดยตรง
เคลือบกันฝ้า ลดปัญหามองไม่ชัด	ไม่มีเลนส์สีให้เลือก
ป้องกันรังสี UV ได้สูง	ไม่สามารถปรับระดับขาแว่น
เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานตัด เจียร ขัด	ต้องใช้ร่วมกับ PPE อื่นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

5.แว่นตานิรภัยเลนส์ใส ANTI FOG 3M 1623AF

แว่นตานิรภัยเลนส์ใส ANTI FOG 3M 1623AF คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานที่ต้องการความคล่องตัว มองเห็นชัด และสวมใส่สบาย เลนส์กันฝ้า เคลือบแข็ง ป้องกันรังสี UV ได้สูง ผ่านมาตรฐานสากล เหมาะกับการใช้งานระยะสั้นถึงปานกลาง

จุดเด่นสินค้า

• เลนส์ ANTI FOG: เคลือบสารป้องกันการเกิดฝ้า ช่วยให้มองเห็นชัดต่อเนื่องขณะทำงาน
• เลนส์เคลือบแข็ง: ป้องกันรอยขีดข่วน เพิ่มอายุการใช้งาน
• ป้องกันรังสี UV: ป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99.9% ช่วยถนอมสายตา
• น้ำหนักเบา กระชับใบหน้า: กรอบยืดหยุ่น สวมใส่ง่าย ไม่กดเจ็บ
• ผ่านมาตรฐานสากล: ได้รับรอง ANSI Z87.1-1989 และ EN166.2001 เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE มาตรฐานงานอุตสาหกรรม

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
เลนส์กันฝ้า มองเห็นชัด ลดอุบัติเหตุ	เหมาะกับการใช้งานระยะสั้นมากกว่างานหนักต่อเนื่อง
เคลือบแข็ง ลดรอยขีดข่วน	ไม่เหมาะกับงานสารเคมีเข้มข้น
น้ำหนักเบา ใส่สบาย พกพาง่าย	ไม่มีเลนส์สีให้เลือก
มีช่องระบายอากาศด้านข้าง ลดอับชื้น	การป้องกันของเหลวจำกัด
เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE งานช่างและโรงงานทั่วไป	ต้องใช้ร่วมกับ PPE อื่นเพื่อความปลอดภัยครบถ้วน

6.แว่นตานิรภัยเลนส์ดำ 3M V35

แว่นตานิรภัยเลนส์ดำ 3M V35 คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานกลางแจ้งที่ต้องการทั้งการปกป้องดวงตาและลดแสงจ้า ออกแบบสำหรับชาวเอเชีย เลนส์สีเทา ช่วยกรองแสง มองเห็นชัด พร้อมป้องกันสะเก็ดและรังสี UV ตามมาตรฐานสากล

จุดเด่นสินค้า

• เลนส์สีเทาสำหรับกลางแจ้ง: ลดแสงจ้า ช่วยให้มองเห็นสบายตา เหมาะกับงาน Outdoor
• เลนส์โพลีคาร์บอเนต: แข็งแรง ทนแรงกระแทก ให้ภาพคมชัดเหมือนจริง
• เคลือบกันฝ้า: ลดการเกิดฝ้าระหว่างทำงาน เพิ่มความปลอดภัยในการมองเห็น
• ป้องกันรังสี UV: ป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99.9% ช่วยถนอมสายตา
• ผ่านมาตรฐานสากล: ได้รับรอง ANSI Z87.1 และ CSA Z94.3 เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานอุตสาหกรรมและงานกลางแจ้ง

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
เลนส์สีเทาช่วยลดแสงจ้า เหมาะกับงานกลางแจ้ง	ไม่เหมาะกับงานในที่แสงน้อย
เลนส์แข็งแรง ทนแรงกระแทก	ไม่กันสารเคมีเหลวโดยตรง
เคลือบกันฝ้า มองเห็นชัดต่อเนื่อง	ไม่มีเลนส์ใสให้เลือกในรุ่นนี้
ป้องกันรังสี UV ได้สูง	ไม่สามารถปรับระดับขาแว่น
เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE งานตัด เจียร ขัด Outdoor	ต้องใช้ร่วมกับ PPE อื่นเพื่อความปลอดภัยครบถ้วน

7.รองเท้านิรภัยหุ้มข้อ No.36 ดำ เซฟตี้ จ็อกเกอร์- BESTBOY

รองเท้านิรภัยหุ้มข้อ BESTBOY Safety Jogger คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการปกป้องเท้าอย่างรอบด้าน ผลิตจากหนังแท้ หัวเหล็กรับแรงกระแทก 200 จูล พื้นกันลื่น ทนน้ำมันและสารเคมี ผ่านมาตรฐานสากลระดับมืออาชีพ

จุดเด่นสินค้า

• โครงสร้างหุ้มข้อจากหนังแท้: แข็งแรง ทนทาน ป้องกันสิ่งมีคม น้ำมัน และสารเคมี
• หัวเหล็กรับแรงกระแทก 200 จูล: ปกป้องนิ้วเท้าจากการกระแทกและของตกหล่น
• พื้น PU/PU กันลื่น: ทนน้ำมัน สารเคมี และช่วยยึดเกาะพื้นผิวได้ดี
• แผ่นเหล็กเสริมพื้นรองเท้า: ป้องกันของมีคมแทงทะลุถึงเท้า เพิ่มความปลอดภัย
• ผ่านมาตรฐาน EN ISO 20345:2011 S3 SRC: เหมาะเป็น อุปกรณ์ PPE สำหรับงานก่อสร้าง อุตสาหกรรม และโลจิสติกส์

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
หนังแท้ แข็งแรง ทนการใช้งานหนัก	น้ำหนักมากกว่ารองเท้าทั่วไป
หัวเหล็กรับแรงกระแทกสูง 200 จูล	อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความคล่องตัวสูง
พื้นกันลื่น ทนน้ำมันและสารเคมี	ระบายอากาศน้อยกว่ารองเท้าผ้าใบ
เสริมแผ่นเหล็ก ป้องกันของมีคม	ไม่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
เป็น อุปกรณ์ PPE มาตรฐานสากล ใช้งานมั่นใจ	ต้องเลือกขนาดให้พอดีเพื่อความสบาย

8.รองเท้าเซฟตี้ทรงสปอร์ต เอสิคส์ FCP201.909027.0

รองเท้าเซฟตี้ทรงสปอร์ต ASICS FCP201 คือ อุปกรณ์ PPE ที่ฉีกภาพรองเท้านิรภัยแบบเดิม ๆ ดีไซน์สปอร์ต น้ำหนักเบา ระบายอากาศดี เหมาะกับงานที่ต้องการความคล่องตัวและความสบายตลอดวัน

จุดเด่นสินค้า

• ดีไซน์ทรงสปอร์ต: รูปลักษณ์ทันสมัย ใส่ทำงานได้โดยไม่ดูเทอะทะ
• หัวรองเท้าเสริมใยแก้ว: Toecap พลาสติกเสริมใยแก้ว ป้องกันแรงกระแทก น้ำหนักเบากว่าหัวเหล็ก
• อัปเปอร์ตาข่าย: ระบายอากาศดี ลดความอับชื้น เหมาะกับการสวมใส่ทั้งวัน
• พื้น EVA + ยาง: ช่วยรองรับแรงกระแทก เดินสบาย ลดความเมื่อยล้า
• น้ำหนักเบาพิเศษ: น้ำหนักเพียง 0.36 กก. เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานที่ต้องเคลื่อนไหวบ่อย

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
น้ำหนักเบามาก ใส่สบาย คล่องตัวสูง	ไม่เหมาะกับงานอุตสาหกรรมหนัก
ดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย	ไม่ได้ระบุการกันสารเคมีหรือของมีคม
ระบายอากาศดี ลดอับชื้น	ไม่มีแผ่นเหล็กเสริมพื้นรองเท้า
หัวรองเท้าใยแก้ว ไม่เป็นสนิม	การป้องกันแรงกระแทกน้อยกว่าหัวเหล็ก
เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE งานเบา–งานเคลื่อนไหว	ไม่มีการรับประกันสินค้า

9.รองเท้าเซฟตี้ STUNT 7006 สตั้นท์ 36 คู่

รองเท้าเซฟตี้ STUNT 7006 คือ อุปกรณ์ PPE มาตรฐาน S3 สำหรับงานอุตสาหกรรมหนักที่ต้องการการปกป้องสูงสุด หัวเหล็ก–พื้นเหล็ก กันลื่น กันน้ำมัน กันไฟฟ้าสถิต เหมาะกับงานก่อสร้าง โรงงาน และปิโตรเคมี

จุดเด่นสินค้า

• มาตรฐาน S3: ป้องกันครบทั้งหัวเหล็ก พื้นเหล็ก และคุณสมบัติกันลื่นสำหรับงานเสี่ยง
• หัวเหล็กรับแรงกระแทก 200 จูล: ป้องกันวัสดุตกใส่ ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ
• เสริมพื้นเหล็ก 1100 นิวตัน: ป้องกันของมีคมแทงทะลุถึงเท้า
• พื้น PU/PU แบบ Dual Density: กันลื่น ทนน้ำมัน และสารเคมี เดินมั่นคง
• หนังวัวกันน้ำมัน + กันไฟฟ้าสถิต: เหมาะเป็น อุปกรณ์ PPE สำหรับงานอุตสาหกรรมและปิโตรเคมี

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
มาตรฐาน S3 ป้องกันระดับสูง	น้ำหนักมากกว่ารองเท้าเซฟตี้ทรงสปอร์ต
หัวเหล็ก + พื้นเหล็ก ปลอดภัยรอบด้าน	อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความคล่องตัวสูง
กันลื่น ทนน้ำมัน และสารเคมี	ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปนอกงาน
กันไฟฟ้าสถิต เหมาะกับโรงงาน	ระบายอากาศน้อยกว่ารองเท้าผ้าใบ
เป็น อุปกรณ์ PPE คุ้มค่า ทนทาน	ต้องเลือกไซส์ให้พอดีเพื่อความสบาย

10.ถุงมือเซฟตี้ เบอร์9(L) เทา เซฟตี้ จ็อกเกอร์- ALLFLEX

ถุงมือเซฟตี้ Safety Jogger ALLFLEX คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานที่ต้องการความคล่องตัวและความแม่นยำในการใช้งาน ใส่กระชับมือ ระบายอากาศดี ป้องกันการเสียดสีและการบาดในระดับพื้นฐาน เหมาะกับงานละเอียดและงานทั่วไป

จุดเด่นสินค้า

• วัสดุ Nylon/Spandex: ยืดหยุ่น กระชับมือ ไม่อึดอัด เคลื่อนไหวสะดวก
• ฝ่ามือเคลือบ PU-Nitrile Micro Foam: ช่วยยึดเกาะดี ลดการลื่นขณะทำงาน
• ทนการเสียดสีสูง: ผ่านการทดสอบการเสียดสีได้ถึง 8,000 ครั้ง
• ป้องกันระดับพื้นฐาน: กันบาด Level 1 พร้อมต้านการฉีกขาดและการเจาะทะลุ
• ผ่านมาตรฐาน EN388:2016: เหมาะเป็น อุปกรณ์ PPE สำหรับงานละเอียดและงานอุตสาหกรรมทั่วไป

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
ใส่กระชับ คล่องตัวสูง เหมาะกับงานละเอียด	ระดับกันบาดไม่เหมาะกับงานของมีคมหนัก
ระบายอากาศดี ลดความอับชื้น	ไม่เหมาะกับงานที่มีสารเคมีรุนแรง
ฝ่ามือยึดเกาะดี ลดการลื่น	การป้องกันแรงกระแทกจำกัด
ทนการเสียดสีสูง ใช้งานได้นาน	ไม่กันความร้อน
เป็นอุปกรณ์ PPE น้ำหนักเบา ราคาคุ้มค่า	ต้องเลือกไซส์ให้พอดีมือ

11.ถุงมือเซฟตี้ เซฟตี้ จ็อกเกอร์ รุ่น Constructo สีครีม เบอร์ 8

ถุงมือเซฟตี้ Safety Jogger รุ่น Constructo คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานใช้แรง งานยกจับ และงานก่อสร้าง

ผลิตจากฝ้ายผสมชุบยางเข้มข้น ช่วยให้จับชิ้นงานแน่น ไม่ลื่น ป้องกันเสี้ยนและของมีคมในงานหนักได้อย่างมั่นใจ

จุดเด่นสินค้า

• ฝ้ายผสมชุบยางเข้มข้น: แข็งแรง จับกระชับ ไม่ลื่นหลุดง่าย
• เหมาะกับงานใช้แรง: รองรับงานยกเหล็ก โหนสลิง และงานดึงกระชาก
• ป้องกันเสี้ยนและของมีคม: ลดความเสี่ยงจากตะปู เศษไม้ และเสี้ยนหนาม
• ทนการเสียดสี: ผ่านมาตรฐาน EN 388 ระดับการเสียดสี Level 2
• ใช้งานคล่องตัว: เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานก่อสร้างและงานภาคสนาม

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
จับชิ้นงานแน่น เหมาะกับงานยกของหนัก	ไม่เหมาะกับงานละเอียดสูง
วัสดุหนา ทนทานต่อการเสียดสี	ระบายอากาศน้อยกว่าถุงมือผ้า
ป้องกันเสี้ยน ตะปู และเศษไม้	ไม่กันสารเคมี
เหมาะกับงานก่อสร้างและงานใช้แรง	น้ำหนักมากกว่าถุงมือบาง
เป็นอุปกรณ์ PPE ราคาคุ้มค่า ใช้งานได้จริง	ต้องเลือกขนาดให้พอดีมือ

12.SAFETY JOGGER ถุงมือเซฟตี้ Protector สีน้ำเงิน No.9 (L)

ถุงมือเซฟตี้ SAFETY JOGGER รุ่น Protector คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานเสี่ยงสูงที่ต้องการการป้องกันการบาดระดับสูง มาพร้อม HPPE liner และฝ่ามือไนไตรล์สองชั้น กันบาด Level 5 ต้านทานน้ำมัน เหมาะกับงานอุตสาหกรรมหนัก

จุดเด่นสินค้า

• กันบาดระดับสูง Level 5: ปกป้องมือจากของมีคมและการตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• โครงสร้าง HPPE liner: แข็งแรง ทนการฉีกขาด และยังคงความคล่องตัว
• ฝ่ามือไนไตรล์สองชั้น: เพิ่มการยึดเกาะ ต้านทานน้ำมัน และการสึกหรอ
• ทนการเสียดสีสูง: ผ่านการทดสอบการเสียดสีได้ถึง 8,000 ครั้ง
• ผ่านมาตรฐาน EN388:2016: ระดับ 4X44C เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานอุตสาหกรรมและงานตัดโลหะ

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
กันบาด Level 5 ป้องกันของมีคมได้ดีมาก	ความหนาทำให้ความรู้สึกสัมผัสลดลง
ต้านทานน้ำมัน เหมาะกับงานอุตสาหกรรม	ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียดสูง
ทนการเสียดสีสูง ใช้งานได้นาน	ระบายอากาศน้อยกว่าถุงมือบาง
โครงสร้างแข็งแรง กันฉีกขาดและเจาะทะลุ	น้ำหนักมากกว่าถุงมือผ้า
เป็นอุปกรณ์ PPE ระดับมืออาชีพ	ต้องเลือกไซส์ให้พอดีมือ

13.TRAFFICTHAI เสื้อ – กางเกง กันฝน คาดแถบสะท้อนแสง 1 แถบรอบตัว มีหมวก สีแดง Size L

ชุดเสื้อ–กางเกงกันฝน TRAFFICTHAI คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานกลางแจ้งและการขับขี่ในสภาพฝนตก

มาพร้อมแถบสะท้อนแสงรอบตัว เพิ่มการมองเห็น ช่วยให้ปฏิบัติงานได้ปลอดภัยแม้ทัศนวิสัยต่ำ

จุดเด่นสินค้า

• วัสดุผ้าออกซ์ฟอร์ด: กันฝนได้ดี แข็งแรง เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง
• แถบสะท้อนแสงรอบตัว: เพิ่มการมองเห็นในที่มืดหรือฝนตก เพิ่มความปลอดภัย
• ดีไซน์เสื้อ–กางเกงพร้อมหมวก: ป้องกันฝนได้รอบด้าน คล่องตัวในการเคลื่อนไหว
• เหมาะกับงานภาคสนาม: ตอบโจทย์ตำรวจจราจร แมสเซ็นเจอร์ และพนักงานส่งของ
• สีแดงมองเห็นชัด: เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานจราจรและงานเร่งด่วน

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
กันฝนได้ดี เหมาะกับงานกลางแจ้ง	ไม่เหมาะกับอากาศร้อนจัดต่อเนื่อง
แถบสะท้อนแสง เพิ่มความปลอดภัย	ไม่ได้ออกแบบเพื่อกันลมแรง
ใส่คล่องตัว เหมาะกับการขับขี่	ระบายอากาศจำกัด
สีแดงเด่น เห็นชัดบนท้องถนน	ไม่เหมาะกับงานในร่ม
เป็น อุปกรณ์ PPE ที่จำเป็นช่วงฝนตก	ต้องเลือกไซส์ให้พอดีเพื่อความสบาย

14.เสื้อพัดลมแขนกุดติดแถบสะท้อนแสง รุ่น KTFMJ-1 สีเขียว ไซส์ 3XL

เสื้อพัดลมแขนกุด รุ่น KTFMJ-1 คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานกลางแจ้งและสภาพอากาศร้อนจัด ช่วยระบายความร้อน ลดอุณหภูมิร่างกายได้จริง พร้อมแถบสะท้อนแสง เพิ่มความปลอดภัยขณะทำงาน

จุดเด่นสินค้า

• ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100%: กันละอองน้ำได้ดี แข็งแรง เหมาะกับการใช้งานภาคสนาม
• ระบบพัดลมคู่: พัดลม 2 ตัว ให้ลมแรง ช่วยลดอุณหภูมิร่างกายลงประมาณ 5–6°C
• แถบสะท้อนแสง: เพิ่มการมองเห็นในที่แสงน้อยหรือเวลากลางคืน
• ใช้งานต่อเนื่องยาวนาน: ใช้งานได้สูงสุด 11 ชั่วโมง เมื่อใช้แบตเตอรี่ 20,000 mAh
• ถอดซักทำความสะอาดได้: พัดลมถอดออกง่าย สะดวก ดูแลรักษาง่าย เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับใช้งานประจำ

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
ช่วยลดอุณหภูมิร่างกายได้จริง เหมาะกับงานร้อน	ราคาไม่รวมแบตเตอรี่
ระบายอากาศดี ใส่สบายกว่าชุดทำงานทั่วไป	ไม่เหมาะกับพื้นที่เปียกน้ำโดยตรง
มีแถบสะท้อนแสง เพิ่มความปลอดภัย	ต้องถอดพัดลมก่อนซักทุกครั้ง
ใช้งานได้ยาวนานเมื่อใช้แบตความจุสูง	ไม่เหมาะกับงานใกล้เปลวไฟ
เป็นอุปกรณ์ PPE ที่ช่วยลดความเสี่ยงฮีตสโตรก	ต้องดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นพิเศษ

15.MAPLE SAFETY เสื้อสะท้อนแสง รุ่น RV-31SB ผ้าเรียบสีส้มสะท้อนแสง

MAPLE SAFETY เสื้อสะท้อนแสง รุ่น RV-31SB คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยและการมองเห็นชัดเจน ผ้าเรียบสีส้มสะท้อนแสง พร้อมแถบสะท้อนแสงมาตรฐาน ISO EN20471 ใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

จุดเด่นสินค้า

• แถบสะท้อนแสงมาตรฐาน ISO EN20471: ขนาด 5 ซม. เพิ่มการมองเห็นในที่มืดและพื้นที่เสี่ยง
• ผ้า Oeko-Tex Class I: สีสะท้อนแสง ไม่ซีด ไม่หด ปลอดภัยต่อผู้สวมใส่
• ดีไซน์ใช้งานจริง: ตัวเสื้อยาว 26 นิ้ว รอบอก 46 นิ้ว พร้อมซิปหน้า สวมใส่ง่าย
• กระเป๋าครบฟังก์ชัน: 4 จุดใช้งานจริง รวมช่องใสสำหรับบัตรพนักงาน
• เหมาะกับงานภาคสนาม: ตอบโจทย์งานก่อสร้าง ซ่อมบำรุง งานจราจร และคลังสินค้า ในฐานะ อุปกรณ์ PPE

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
มองเห็นเด่นชัด เพิ่มความปลอดภัยสูง	ไม่กันฝนหรือกันลม
ผ้าคุณภาพดี สีไม่ซีด ไม่หด	ไม่เหมาะกับงานในห้องแอร์
กระเป๋าหลายจุด ใช้งานสะดวก	ไม่มีแขนเสื้อ
มาตรฐาน ISO EN20471 ใช้งานได้สากล	ต้องเลือกไซส์ให้เหมาะกับผู้สวมใส่
เป็นอุปกรณ์ PPE จำเป็นสำหรับงานเสี่ยง	ไม่ได้ออกแบบเพื่อป้องกันแรงกระแทก

16.ชุดป้องกันฝุ่นและสารเคมี L แพงโกลิน SUIT4000-L

ชุดป้องกันฝุ่นและสารเคมี PANGOLIN รุ่น SUIT4000-L คือ ชุด PPE สำหรับงานที่มีความเสี่ยงจากสารเคมี ของเหลว และมลภาวะทางชีวภาพ ออกแบบเพื่อการป้องกันรอบด้าน ตามมาตรฐานสากลหลายระดับ เหมาะกับงานอุตสาหกรรม ห้องแล็บ และงานควบคุมการปนเปื้อน

จุดเด่นสินค้า

• ป้องกันสารเคมีของเหลว: ผ่านมาตรฐาน ASTM F1670 ป้องกันการซึมผ่านของสารเคมี เช่น Sulfuric Acid 98% และ Formaldehyde
• ป้องกันชีวภาพและเชื้อโรค: ได้มาตรฐาน EN14126 ป้องกันเลือด เชื้อโรค และมลภาวะทางชีวภาพ
• ป้องกันฝุ่นรอบทิศทาง: ตามมาตรฐาน EN1073-2 ลดความเสี่ยงการปนเปื้อนจากฝุ่นละเอียด
• ลดไฟฟ้าสถิต: ผ่านมาตรฐาน EN1149-5 เหมาะกับพื้นที่ควบคุมพิเศษ
• มาตรฐาน Type 3B / 4B / 5B / 6B: ครอบคลุมการป้องกันระดับสูง เหมาะเป็น อุปกรณ์ PPE สำหรับงานเสี่ยงหลายรูปแบบ

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
ป้องกันสารเคมีและของเหลวได้หลายชนิด	ไม่เหมาะกับสารเคมีแรงดันสูง
ป้องกันชีวภาพ ฝุ่น และไฟฟ้าสถิต	ระบายอากาศได้น้อยกว่าชุดทำงานทั่วไป
มาตรฐานสากลหลายระบบในชุดเดียว	ไม่เหมาะกับการใช้งานระยะยาวในที่ร้อน
เนื้อผ้าเคลือบฟิล์ม ลดการซึมผ่าน	ใช้แล้วควรทิ้ง ไม่เหมาะกับการซักซ้ำ
เป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานควบคุมความเสี่ยงสูง	ต้องเลือกไซส์ให้เหมาะสมเพื่อการปิดป้องกันที่สมบูรณ์

17.ชุดป้องกันสารเคมี L ขาว 3M 4520

ชุดป้องกันสารเคมีและฝุ่นละออง 3M รุ่น 4520 คือ อุปกรณ์ PPE แบบใช้แล้วทิ้ง สำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยและความสบายในการสวมใส่ เนื้อผ้านุ่ม น้ำหนักเบา ออกแบบเพื่อการเคลื่อนไหวคล่องตัว ผ่านการรับรองมาตรฐานยุโรป

จุดเด่นสินค้า

• โครงสร้างเส้นใยคุณภาพสูง: นุ่ม เบา สวมใส่สบาย ลดความอึดอัดขณะทำงาน
• ปลอดยางธรรมชาติและซิลิโคน: ลดความเสี่ยงการแพ้ เหมาะกับผู้ใช้งานที่มีผิวแพ้ง่าย
• ซิปสองทางพร้อมแผ่นปิด: เพิ่มความสะดวกในการสวมใส่และเพิ่มระดับการป้องกันด้านหน้า
• ดีไซน์เสริมช่วงแขน–ขา: แข็งแรง เคลื่อนไหวคล่องตัว ลดการตึงรั้งระหว่างปฏิบัติงาน
• ผ่านมาตรฐานยุโรป: เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานฝุ่นละอองและอุตสาหกรรมทั่วไป

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
น้ำหนักเบา ใส่สบาย เหมาะกับการทำงานต่อเนื่อง	เป็นชนิดใช้แล้วทิ้ง ไม่สามารถซักซ้ำ
ป้องกันฝุ่นและละอองของเหลวได้ดี	ไม่เหมาะกับสารเคมีแรงดันสูง
ไม่มีส่วนผสมของยางธรรมชาติ ลดอาการแพ้	การระบายอากาศจำกัดเมื่อใช้งานในที่ร้อน
ซิปสองทาง ใช้งานสะดวก	ไม่เหมาะกับงานเปลวไฟหรือความร้อนสูง
เป็นอุปกรณ์ PPE มาตรฐานสากล ใช้งานหลากหลาย	ต้องเลือกไซส์ให้เหมาะสมเพื่อการปิดป้องกันที่ดี

18.ชุดป้องกันสารเคมี XL ขาว ไมโครเท็กซ์ Careplus

ชุดป้องกันสารเคมี Microtex Careplus ไซส์ XL คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานที่มีความเสี่ยงจากสารเคมี ฝุ่นละออง และมลพิษทางอากาศ ออกแบบให้สวมใส่สบาย เคลื่อนไหวคล่องตัว พร้อมการรับรองมาตรฐานการป้องกันเชื้อโรคระดับสากล

จุดเด่นสินค้า

• ป้องกันสารเคมีและฝุ่นละเอียด: ลดความเสี่ยงจากละอองสารเคมีและฝุ่นขนาดเล็ก
• ป้องกันเชื้อโรค: ผ่านมาตรฐาน EN 14126 รองรับการป้องกันมลภาวะทางชีวภาพ
• มาตรฐาน Type 3: ป้องกันของเหลวและละอองได้ในระดับอุตสาหกรรม
• สวมใส่สบาย เคลื่อนไหวคล่องตัว: เนื้อผ้าให้ตัวตามการเคลื่อนไหว ไม่ตึงรั้ง
• เหมาะเป็นอุปกรณ์ PPE: สำหรับงานอุตสาหกรรม งานพ่นสี และงานควบคุมการปนเปื้อน

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
ป้องกันสารเคมีและฝุ่นขนาดเล็กได้ดี	ไม่เหมาะกับสารเคมีแรงดันสูง
ได้มาตรฐาน EN 14126 ป้องกันเชื้อโรค	ระบายอากาศน้อยกว่าชุดทำงานทั่วไป
ชุดให้ตัว ใส่สบาย เคลื่อนไหวสะดวก	ไม่เหมาะกับการใช้งานในที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน
เหมาะกับงานพ่นสีและงานอุตสาหกรรม	เป็นชุดใช้แล้วทิ้ง
เป็นอุปกรณ์ PPE มาตรฐานสากล	ต้องเลือกไซส์ให้เหมาะสมเพื่อการปิดป้องกันที่ดี

19.YAMADA หน้ากากครึ่งหน้าแบบไส้กรองคู่ รุ่น 522 สีน้ำเงิน

หน้ากากครึ่งหน้าแบบไส้กรองคู่ YAMADA รุ่น 522 คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับงานที่มีความเสี่ยงจากสารเคมี ฝุ่น และมลพิษทางอากาศ ออกแบบให้เหมาะกับโครงหน้าคนเอเชีย สวมใส่สบาย กระชับ เพิ่มความปลอดภัยในการทำงานระดับสูง

จุดเด่นสินค้า

• ระบบไส้กรองคู่: เพิ่มประสิทธิภาพในการกรองสารเคมีและฝุ่นละอองได้ดีกว่าหน้ากากทั่วไป
• ออกแบบเพื่อคนเอเชีย: สวมใส่กระชับใบหน้า ลดการรั่วซึม ไม่อึดอัด
• วัสดุยางปลอดสารพิษ: ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ใช้งานได้นาน
• รองรับการสวมแว่นตา: มาพร้อมแว่นที่สามารถสวมทับแว่นสายตาได้ เพิ่มการปกป้องดวงตา
• เหมาะกับงานเสี่ยงสูง: ใช้เป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานสารเคมี งานพ่นสี งานก่อสร้าง และงานช่าง

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
ระบบไส้กรองคู่ กรองได้มีประสิทธิภาพสูง	ไส้กรองต้องซื้อแยก
สวมใส่สบาย เหมาะกับโครงหน้าเอเชีย	ไม่เหมาะกับพื้นที่ออกซิเจนต่ำ
วัสดุปลอดสารพิษ ปลอดภัยต่อผิว	ต้องตรวจสอบสภาพก่อนใช้งานทุกครั้ง
ใช้งานร่วมกับแว่นสายตาได้	ไม่ป้องกันทั้งใบหน้า
เป็นอุปกรณ์ PPE สำหรับงานสารเคมีโดยเฉพาะ	ต้องเลือกไส้กรองให้เหมาะกับประเภทงาน

20.หน้ากากครึ่งหน้าไส้กรองเดี่ยว YAMADA YMD501

หน้ากากครึ่งหน้าไส้กรองเดี่ยว YAMADA รุ่น YMD501 คือ อุปกรณ์ PPE สำหรับปกป้องระบบทางเดินหายใจจากฝุ่นและสารเคมี มาพร้อมตลับกรองรุ่น 203 A สวมใส่สบาย ระบายอากาศดี เหมาะกับโครงหน้าคนเอเชีย

จุดเด่นสินค้า

• ไส้กรองเดี่ยวพร้อมใช้งาน: ในชุดมีตลับกรองรุ่น 203 A ช่วยกรองสารเคมีและกลิ่น
• วัสดุ Engineering Thermoplastic: ปลอดสารพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้งานได้อย่างมั่นใจ
• วาล์วระบายอากาศ 2 จุด: ช่วยหายใจสะดวก ลดความอึดอัดขณะสวมใส่
• ออกแบบเพื่อคนเอเชีย: หน้ากากกระชับ ลดการรั่วซึม สวมใส่สบาย
• ผ่านมาตรฐาน EN140 และ EN14387: เหมาะเป็น อุปกรณ์ PPE สำหรับงานก่อสร้าง งานพ่นสี และงานเกษตร

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี	ข้อเสีย
น้ำหนักเบา เพียง 186 กรัม ใส่สบาย	ประสิทธิภาพการกรองน้อยกว่าแบบไส้กรองคู่
มีไส้กรองพร้อมใช้งานในชุด	ต้องเปลี่ยนตลับกรองตามอายุการใช้งาน
ระบายอากาศดี ไม่อึดอัด	ไม่เหมาะกับงานสารเคมีความเข้มข้นสูง
เหมาะกับโครงหน้าคนเอเชีย	ไม่ป้องกันทั้งใบหน้า
เป็นอุปกรณ์ PPE คุ้มค่า ใช้งานทั่วไป	ต้องเลือกตลับกรองให้เหมาะกับประเภทงาน

วิธีการเลือกอุปกรณ์ PPE ในแต่ละประเภท

การเลือกอุปกรณ์ PPEให้เหมาะกับงานแต่ละประเภท ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานได้อย่างแท้จริง

เมื่อเข้าใจว่าอุปกรณ์ PPE มีอะไรบ้าง ก็ต้องเลือกประเภทของ อุปกรณ์ PPE และลักษณะความเสี่ยงของงาน เพื่อสามารถใช้อุปกรณ์ป้องกันได้ตรงจุด คุ้มค่า และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. ถุงมือนิรภัย (Safety Gloves)

การเลือกถุงมือนิรภัยควรเริ่มจากการพิจารณาลักษณะงานเป็นหลัก เพราะถุงมือแต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันอันตรายที่แตกต่างกัน หากเป็นงานละเอียด

ควรเลือกถุงมือที่บาง กระชับ และให้ความคล่องตัวสูง แต่ถ้าเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับของมีคม งานโลหะ หรือวัสดุหนัก ควรเลือกถุงมือที่มีระดับการกันบาดตามมาตรฐาน EN388 ให้เหมาะสม

นอกจากนี้ยังควรพิจารณาปัจจัยอื่น เช่น การทนการเสียดสี การกันน้ำมัน หรือการกันสารเคมี เพื่อให้ อุปกรณ์ PPE ที่เลือกสามารถป้องกันอันตรายได้จริงโดยไม่ลดประสิทธิภาพการทำงาน

2. หมวกนิรภัย (Safety Helmet)

หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ PPEพื้นฐานที่ใช้ป้องกันการกระแทกจากวัตถุตกหล่นหรือการชนศีรษะ การเลือกหมวกควรดูว่าผ่านมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่ เช่น มอก. หรือมาตรฐานสากลอื่น ๆ และควรเลือกชนิดที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงาน

สำหรับงานไฟฟ้า ควรเลือกหมวกที่ไม่นำไฟฟ้า ขณะที่งานกลางแจ้งอาจต้องการหมวกที่มีรูระบายอากาศเพื่อลดความร้อน สิ่งสำคัญอีกประการคือระบบปรับขนาด หมวกที่กระชับจะช่วยลดความเสี่ยงจากการหลุดหรือเคลื่อนตัวขณะทำงาน

3. แว่นตานิรภัย และหน้ากากป้องกันใบหน้า (Face Shield)

ดวงตาและใบหน้าเป็นอวัยวะที่บาดเจ็บแล้วรักษายาก การเลือกแว่นตานิรภัยควรดูว่ามีการป้องกันสะเก็ด ฝุ่น หรือรังสี UV ได้เหมาะกับงานหรือไม่ เช่น งานเจียร งานตัด หรือพ่นสี ควรใช้แว่นที่ได้มาตรฐาน ANSI หรือ EN

ในกรณีที่มีความเสี่ยงจากการกระเด็นของวัสดุแรง ๆ ควรใช้ Face Shield ร่วมกับแว่นตานิรภัย เพื่อเพิ่มระดับการป้องกัน ซึ่งถือเป็นการใช้งานอุปกรณ์ PPE อย่างครบถ้วนและปลอดภัยยิ่งขึ้น

4. อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ (Respiratory Protection)

การเลือกอุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจต้องพิจารณาจากชนิดของฝุ่น สารเคมี หรือไอระเหยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทำงาน หน้ากากกันฝุ่นทั่วไปอาจเพียงพอสำหรับฝุ่นเบา แต่หากเป็นสารเคมีหรือกลิ่นเฉพาะ ต้องเลือกหน้ากากที่ใช้ไส้กรองตรงชนิด

หน้ากากควรสวมใส่กระชับกับใบหน้า ไม่รั่วซึม และเลือกไส้กรองตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพราะแม้จะเป็น อุปกรณ์ PPE ที่มีคุณภาพ แต่หากเลือกผิดประเภท ก็ไม่สามารถป้องกันอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ชุดป้องกันร่างกาย (Protective Clothing)

ชุดป้องกันร่างกายถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันฝุ่น สารเคมี หรือการปนเปื้อนโดยตรงกับผิวหนัง การเลือกควรดูว่าชุดนั้นเหมาะกับระดับความเสี่ยงใด เช่น ป้องกันฝุ่นอย่างเดียว หรือป้องกันสารเคมีและของเหลว

นอกจากนี้ควรเลือกขนาดที่เหมาะสม ไม่รัดหรือหลวมเกินไป เพื่อให้เคลื่อนไหวได้สะดวก ชุดที่เหมาะสมจะช่วยให้อุปกรณ์ PPE ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และลดความเมื่อยล้าระหว่างปฏิบัติงาน

6. รองเท้านิรภัย (Safety Shoes)

รองเท้านิรภัยมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการบาดเจ็บจากของตก การเหยียบของมีคม และการลื่นไถล การเลือกควรพิจารณาจากประเภทงาน เช่น งานก่อสร้างควรใช้รองเท้าหัวเหล็กและพื้นเหล็ก ส่วนงานโรงงานบางประเภทอาจต้องการรองเท้ากันไฟฟ้าสถิต

ควรตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย เช่น S1, S2 หรือ S3 และเลือกขนาดที่พอดีเท้า เพื่อให้สวมใส่สบายและปลอดภัยตลอดการทำงาน ซึ่งเป็นการเลือกอุปกรณ์ PPE ที่คุ้มค่าในระยะยาว

3 คำถามเกี่ยวกับอุปกรณ์ PPE ที่คนทำงานควรรู้ ก่อนเริ่มงานให้ปลอดภัยจริง

หลายคนใส่อุปกรณ์ PPE เพราะเป็นกฎ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจ “เหตุผลที่แท้จริง” รวมคำถามพื้นฐานที่ถูกถามบ่อย พร้อมคำตอบสั้น กระชับ เข้าใจง่าย ใช้ได้ทั้งคนทำงานและผู้ประกอบการ

1. ทำไมต้องใส่อุปกรณ์ PPE?

เพราะ อุปกรณ์ PPE ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และการเจ็บป่วยจากการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการกระแทก ฝุ่น สารเคมี หรือการลื่นล้ม การใส่ PPE ที่เหมาะสมช่วยปกป้องชีวิต เพิ่มความมั่นใจ และทำให้ทำงานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นในระยะยาว

2. อุปกรณ์ PPE มีกี่ประเภท?

โดยทั่วไป อุปกรณ์ PPE แบ่งออกเป็น 6 ประเภทหลัก ได้แก่ การป้องกันศีรษะ ดวงตาและใบหน้า ระบบหายใจ มือ ร่างกาย และเท้า ซึ่งแต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่แตกต่างกันในแต่ละลักษณะงาน

3. ใครมีหน้าที่จัดหาอุปกรณ์ PPE?

นายจ้างหรือผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องจัดหาอุปกรณ์ PPE ที่เหมาะสมและได้มาตรฐานให้กับพนักงานตามลักษณะงาน ขณะที่ผู้ปฏิบัติงานมีหน้าที่ใช้งานอย่างถูกต้องและดูแลรักษา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับทั้งตัวเองและองค์กร

ใช้อุปกรณ์ PPE อย่างปลอดภัยเริ่มที่การเลือก ไม่ใช่แค่การใส่

การเลือกอุปกรณ์ PPE ที่ถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่ต้องเริ่มจาก “ความเข้าใจในงาน” เมื่อรู้ความเสี่ยง เลือกประเภทให้ตรง ตรวจสอบมาตรฐาน และคำนึงถึงความสบายในการใช้งาน ก็จะช่วยให้การทำงานปลอดภัยขึ้น ลดอุบัติเหตุ และคุ้มค่าในระยะยาว

เพราะ อุปกรณ์ PPE ที่ดี ไม่ได้มีไว้แค่ “ให้ครบตามกฎ” แต่ต้องเลือกให้ตรงกับหน้างานจริง ที่ OFM.co.th เราคัดอุปกรณ์ความปลอดภัยหลากหลายประเภท ครบทุกงาน ตั้งแต่งานเบาไปจนถึงงานเสี่ยงสูง ให้คุณเลือกได้ง่าย ปลอดภัย และคุ้มค่าทุกการใช้งาน

ดีลสุดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่! 🔥

🛍️ ซื้อครบ 999.- ใส่โค้ด “NEW10” รับส่วนลด 10% (สูงสุด 1,000 บาท)

💥รับคะแนน The 1 X3 (1,000 บาท)

🎯 ยิ่งช้อป ยิ่งลด! อย่าพลาดดีลสุดคุ้มวันนี้!

📌 ช้อปเลย 👉  https://www.ofm.co.th