
สำหรับเจ้าของร้านซักรีดมือใหม่ หรือผู้เริ่มต้นทำธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ต ควรให้ความสำคัญกับความสะอาดของผ้า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม รวมไปถึงผ้าขนหนู และกลิ่นผ้าที่หอมสะอาด ยังถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า และส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจโดยรวม ฉะนั้น ควรใส่ใจกับเลือกผลิตภัณฑ์ และวิธีการซักผ้าให้เหมาะสมด้วย
บทความนี้ OFM จะมาแนะนำเทคนิคซักผ้าให้หอมทนนาน โดยไม่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์ซักผ้า หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มราคาแพง แต่ให้ความสำคัญกับขั้นตอนการซักที่เหมาะสม จะมีอะไรบ้าง มาอ่านกันเลย
- รู้จักประเภทของผ้า
เนื้อผ้าแต่ละประเภทมีความต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน เช่น ผ้าคอตตอน ผ้าลินิน ผ้าโพลีเอสเตอร์ และผ้าผสม สามารถซักด้วยน้ำร้อนได้ ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าซาติน และผ้าลูกไม้ ควรซักด้วยน้ำเย็น การเลือกอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสม จะช่วยให้ผ้าสะอาดหมดจด โดยไม่ทำลายเนื้อผ้านั่นเอง
- แยกผ้าก่อนซัก
การแยกผ้าก่อนซัก ช่วยป้องกันปัญหากลิ่นอับชื้น และสีตกใส่กัน แยกผ้าตามประเภทของเนื้อผ้า เช่น ผ้าสี ผ้าขาว ผ้าเนื้อบาง ผ้าหนา แยกผ้าตามระดับความสกปรก เช่น ผ้าที่เปื้อนดินโคลน ควรซักแยกต่างหาก และแยกผ้าที่มีกลิ่นเหม็นอับ เช่น ผ้าที่ใส่เล่นกีฬา ควรซักด้วยน้ำยาขจัดคราบ และกลิ่น
- เลือกผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม
เลือกผงซักฟอก หรือผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีประสิทธิภาพสูง ขจัดคราบสกปรกได้อย่างหมดจด เช่น ผงซักฟอกสูตรเข้มข้นสำหรับผ้าขาว หรือผงซักฟอกสำหรับผ้าสี และที่สำคัญให้เลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมละมุน ไม่ควรเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีส่วนผสมเข้มข้นจนเกินไป เพราะเสี่ยงต่อการแพ้สำหรับลูกค้าบางรายได้ จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว และไม่ทำให้ระคายเคือง เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรสำหรับเด็ก สูตร Organic หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรอโรม่า
- เพิ่มกลิ่นหอมด้วยธรรมชาติ
ผสมน้ำส้มสายชูกลั่น 1 ถ้วยตวง ลงในน้ำยาซักผ้า ช่วยให้ผ้าสะอาด นุ่มฟู และหอมสดชื่น โดยไม่ต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือใส่ดอกไม้หอม เช่น ลาเวนเดอร์ โรสแมรี่ หรือใบเตย ลงในถุงผ้า ใส่ในเครื่องซักผ้า ช่วยให้ผ้าหอมแบบธรรมชาติ และติดทนนานมากยิ่งขึ้น
- ตากผ้าให้แห้งสนิท
ตากผ้าบนราวตากผ้ากลางแจ้ง ใช้เครื่องอบผ้า หรือตากผ้าในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก แสงแดดอ่อน ๆ ช่วยฆ่าเชื้อโรค และทำให้ผ้าแห้งเร็ว โดยผ้าที่ตากแห้งสนิทจะไม่มีกลิ่นอับชื้น หรือมีแบคทีเรียหมักหมม ทำให้ส่งกลิ่นกวนใจต่อลูกค้า หรือผู้ใช้บริการได้
- เก็บผ้าอย่างถูกวิธี
ควรเก็บผ้าในตู้เสื้อผ้าที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ควรเก็บผ้าที่ยังมีความชื้นอยู่ หากยังแห้งไม่สนิท ควรตากให้แตกก่อนเท่านั้น เพราะหากรีบนำผ้าเข้าตู้ขณะชื้น อาจทำให้เกิดกลิ่นอับ และเชื้อรา นอกจากนี้ ยังมีตัวช่วยเลดกลิ่นอับในตู้เสื้อผ้าได้ เช่น การวางไม้ซีดาร์ในตู้เสื้อผ้า ช่วยป้องกันมอด และทำให้ผ้าหอมแบบธรรมชาติ หรือใช้ถุงซิลิก้าเจล ช่วยดูดความชื้น และลดกลิ่นอับนั่นเอง
- เพิ่มกลิ่นหอมในตู้เสื้อผ้า
วางถุงหอม ก้านไม้หอม หรือแผ่นหอมปรับอากาศ ในตู้เสื้อผ้า ช่วยให้ผ้าหอมสดชื่น เช่น ถุงหอมลาเวนเดอร์ ก้านไม้หอมกลิ่นส้ม หรือแผ่นหอมปรับอากาศกลิ่นวานิลลา
- ดูแลเครื่องซักผ้าให้สะอาดอยู่เสมอ
ร้านซักรีดที่มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก และต่อเนื่อง ควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันคราบสกปรกที่เกาะแน่น และแบคทีเรียสะสม จะช่วยให้ผ้าสะอาด และหอมสดชื่น โดยวิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้าก็ง่ายแสนง่าย เพียงเทน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าลงในถังซักผ้า และเปิดโหมดทำความสะอาด หรือใช้เบกกิ้งโซดา โรยบนผ้าในถังซักผ้า และเปิดโหมดซักผ้า เท่านี้ถังซักก็สะอาดแล้ว
เทคนิคเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความหอมให้ผ้าทนนาน
- ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มกับน้ำเปล่า ใส่ในขวดสเปรย์ ฉีดพรมบนผ้าก่อนรีด ช่วยให้ผ้าหอม รีดง่าย และคงทน
- ใส่น้ำหอมอ่อนๆ ลงบนสำลี วางในถุงผ้า ใส่ในตู้เสื้อผ้า ช่วยให้ผ้าหอมละมุน
- เลือกใช้น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมคล้ายกัน ช่วยให้กลิ่นหอมติดทนนาน
สำหรับเจ้าของร้านซักรีดมือใหม่ หรือผู้เริ่มต้นทำธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ต รวมไปถึงพ่อบ้านแม่บ้านที่ต้องการซักผ้าให้หอมทนนาน ลองนำเทคนิคข้างต้นที่กล่าวไปนั้น ไปปรับใช้ได้ และสามารถเข้ามาเลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้า หรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม สำหรับร้านซักรีด โรงแรม รีสอร์ต หรือผู้ประกอบการร้านอาหาร ได้ที่ ofm.co.th หรือ คลิกที่นี่ เพื่อดูผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่น ๆ พร้อมรับคูปองส่วนลด ที่นี่ https://www.ofm.co.th/activity/discount-coupon
ทั้งนี้ อย่าลืมว่าการซักผ้าให้หอมทนนาน ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มราคาแพง เพียงเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสม และดูแลรักษาเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ด้วยกลิ่นหอมสะอาดที่ติดตรึงบนผ้านาน
บทความที่เกี่ยวข้อง