ในปี 2026 ห้องครัวไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สำหรับปรุงอาหารอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นศูนย์บัญชาการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น 

ดังนั้น การทำความเข้าใจและนำ เทคโนโลยีในครัว ขั้นสูงมาใช้ จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จและการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจร้านอาหาร

Key Takeaways

  • ยกระดับความแม่นยำในการปรุงอาหาร: เทคโนโลยีในครัวมุ่งเน้นการควบคุมอุณหภูมิขั้นสูง เช่น เทคนิคซูวี (Sous Vide) และเตาอบไอน้ำคอมบิ (Combi Ovens) เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารมีความสม่ำเสมอและมีคุณภาพสูงในทุกจาน ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์
  • ใช้ AI และข้อมูลเพื่อลดของเสียและต้นทุน: ระบบการจัดการครัวอัจฉริยะ (KMS) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามสินค้าคงคลังและคาดการณ์ปริมาณวัตถุดิบอย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถลดของเสียและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • เน้นความปลอดภัยและสุขอนามัยอัตโนมัติ: เทคโนโลยีด้านสุขอนามัยอัตโนมัติเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรักษามาตรฐานความปลอดภัยอาหาร (Food Safety) โดยใช้เครื่องล้างจานที่มีวงจรฆ่าเชื้ออุณหภูมิสูง และระบบจัดการของเสียแบบยั่งยืน เช่น เครื่องย่อยเศษอาหาร
  • เร่งความเร็วงานด้วย Induction และแขนกลหุ่นยนต์: เตา Induction ประสิทธิภาพสูงช่วยให้ความร้อนที่รวดเร็วและแม่นยำกว่าเตาทั่วไป ส่วนแขนกลหุ่นยนต์ถูกนำมาใช้ในงานเตรียมวัตถุดิบที่ต้องทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสม่ำเสมอ (Consistency) และลดภาระงานหนักของบุคลากร

Table of Contents

เทคโนโลยีในครัวมีอะไรบ้าง ที่เซฟและคนในวงการอาหารต้องไม่พลาด!

นวัตกรรมเปลี่ยนโลกครัวมาถึงแล้ว! อัพเดตสุดยอดเทคโนโลยีและอุปกรณ์อัจฉริยะที่จะปฏิวัติวงการอาหาร OFM สรุปสิ่งที่เชฟและผู้ประกอบการร้านอาหาร ‘ต้องรู้’ ก่อนใคร เพื่อก้าวทันโลกธุรกิจในยุค 2026

1. เทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิขั้นสูง ความแม่นยำระดับห้องแล็บ

เทคโนโลยีในครัวเหล่านี้ช่วยยกระดับคุณภาพอาหารให้มีความสม่ำเสมอและแม่นยำสูง เช่นซูวี การปรุงอาหารในอุณหภูมิที่ควบคุมได้อย่างแม่นยำในน้ำ ช่วยให้เนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำและรักษารสชาติได้อย่างดี หรืออย่าง Combi Oven วิธีการที่ช่วยให้อาหารสุกเร็วขึ้นและรักษาความชื้นไว้ได้ ช่วยให้สามารถย่างเนื้อได้ผิวกรอบแต่ภายในยังชุ่มฉ่ำอยู่

2. ระบบการจัดการครัวอัจฉริยะ (KMS) และ AI

การใช้ AI และ KMS มุ่งเน้นไปที่การจัดการข้อมูล (Data Analytics) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน (Workflow) ของครัวทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น การจัดการสินค้่าคงเหลือ และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดลำดับการทำงาน โดยทั้ง2 อย่างจะช่วยให้คุณสามารถจัดการเรื่องราวในครัวได้อย่างฉลาดและมีระบบมาขึ้น

3. อุปกรณ์ทำความสะอาดและสุขอนามัยอัตโนมัติ (Sanitation Tech)

เน้นการยกระดับหลักการสุขอนามัยและความปลอดภัยอาหาร (Food Safety) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดเช่นเครื่องล้างจานและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อแบบพิเศษ ช่วยให้สามารถทำงานได้ในปริมาณ และคุณภาพที่เพิ่มขึ้น 

4. การใช้เทคโนโลยี Induction และ Robotics

เน้นความเร็วในการปรุงอาหาร ความปลอดภัยในครัว และความสามารถในการทำซ้ำ (Consistency) เช่นเตา induction สุดฮิตที่ให้ความร้อนแม่นยำและคงที่กว่าเตาแก๊ส หรือจะเป็นแขนหุ่นยนต์ช่วยงานที่นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาแล้วยังช่วยให้งานออกมามีมาตรฐานคงที่และไว้ใจได้

รวม 10 เครื่องครัวอัพเดตเทคโนโลยีในครัวสุดล้ำ 

อัพเดตงานครัวของคุณให้ล้ำกว่าใคร กับ 10 เครื่องครัวที่มีนวัตกรรมในครัวใหม่ล่าสุด ที่ OFM อยากให้คุณได้ลอง มาดูกันว่า มีไอเท็มอะไรบ้าง 

1.RETEKESS รุ่น TD 105 (จอรับสัญญาณ 1 ) + TD 036 (ปุ่มกดเรียก * 20 ) กริ่ง กด เรียก พนักงาน ไร้สาย สำหรับ ร้านอาหาร คาเฟ่ สินค้ารับประกัน 1 ปี

RETEKESS รุ่น TD 105 (จอรับสัญญาณ 1 ) + TD 036 (ปุ่มกดเรียก * 20 ) กริ่ง กด เรียก พนักงาน ไร้สาย สำหรับ ร้านอาหาร คาเฟ่ สินค้ารับประกัน 1 ปี

ชุดระบบเรียกพนักงานไร้สาย Retekess TD105/TD036 เป็นหนึ่งใน เทคโนโลยีในครัว และพื้นที่บริการที่สำคัญ เพื่อยกระดับมาตรฐานการสื่อสารภายในร้านอาหารและคาเฟ่

ประกอบด้วยจอรับสัญญาณ TD105 จำนวน 1 ชุด และปุ่มกดเรียก TD036 จำนวน 20 ปุ่ม ช่วยลด Human Error และทำให้การทำงานของพนักงานเสิร์ฟและพนักงานในครัวมีประสิทธิภาพสูงสุด

จุดเด่นสินค้า

  • ติดตั้งง่ายและระบบไร้สาย: เป็นระบบ RF Wireless ที่ไม่ต้องเดินสายไฟและไม่ต้องพึ่งพาสัญญาณ WiFi ทำให้ติดตั้งได้รวดเร็ว
  • เพิ่มประสิทธิภาพการบริการ: ช่วยลดเวลารอคอยของลูกค้า ทำให้พนักงานสามารถตอบสนองต่อการเรียกบริการได้อย่างทันท่วงที
  • ทนทานและพร้อมใช้ในครัว: ปุ่มกดรุ่น TD036 มีมาตรฐานกันน้ำ/กันฝุ่นระดับ IP55 สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่เปียกชื้นได้
  • ขยายระบบได้สูงสุด: จอรับสัญญาณ TD105 รองรับการเชื่อมต่อกับปุ่มกดได้สูงสุดถึง 999 ช่องสัญญาณ เหมาะสำหรับร้านขนาดใหญ่

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Advantages)ข้อเสีย (Disadvantages)
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดความจำเป็นในการจ้างพนักงานเพื่อเฝ้าพื้นที่บริการ1. ต้องมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ปุ่มกด TD036 ใช้แบตเตอรี่ (AAA) ซึ่งจะต้องเปลี่ยนเมื่อมีสัญญาณเตือนแบตเตอรี่ต่ำ
2. เพิ่มความพึงพอใจลูกค้า ลูกค้าสามารถเรียกพนักงานได้ทันทีโดยไม่ต้องตะโกน2. ระยะสัญญาณมีข้อจำกัด แม้จะครอบคลุมพื้นที่กว้าง แต่ในอาคารระยะหวังผลจะอยู่ที่ 40-60 เมตร อาจต้องใช้ตัวทวนสัญญาณ (Repeater)
3. ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายได้ จอ TD105 ใช้วัสดุทนน้ำมัน/ฝุ่น เหมาะสำหรับวางในเคาน์เตอร์ใกล้ครัว3. ความดังอาจรบกวน หากตั้งระดับเสียง (15 ระดับ) ไว้สูงเกินไป อาจสร้างความรบกวนในบรรยากาศของร้าน
4. ติดตั้งได้ยืดหยุ่น ทั้งจอแสดงผลและปุ่มกด สามารถติดตั้งแบบตั้งโต๊ะหรือติดผนังได้4. ระบุประเภทบริการจำกัด (รุ่นนี้) อาจแสดงได้เพียงหมายเลขโต๊ะ ไม่สามารถระบุประเภทบริการที่ชัดเจน (เช่น ขอคิดเงิน, สั่งเพิ่ม) ได้อย่างละเอียด

2.RETEKESS เครื่องเรียกคิวไร้สาย รุ่น TD163 สีดำ ชุด 20 ตัว

RETEKESS เครื่องเรียกคิวไร้สาย รุ่น TD163 สีดำ ชุด 20 ตัว

เครื่องเรียกคิวไร้สาย Retekess TD-163 เป็น เทคโนโลยีในครัว ที่เข้ามาช่วยจัดการคิวลูกค้าอย่างชาญฉลาดในร้านอาหาร คาเฟ่ หรือศูนย์อาหาร ชุดอุปกรณ์ประกอบด้วยเครื่องส่งสัญญาณ 1 เครื่องและเพจเจอร์ (Coaster Pager) 20 ตัว ให้ลูกค้าถือรอได้อย่างสะดวกและเป็นส่วนตัว

เมื่ออาหารหรือบริการพร้อม พนักงานสามารถกดเรียกจากฐาน เพจเจอร์จะแจ้งเตือนด้วยการสั่น เสียง และไฟกระพริบ ทำให้การรับบริการเป็นไปอย่างราบรื่น

จุดเด่นสินค้า

  • เพิ่มประสิทธิภาพการบริการ: ช่วยลดความแออัดบริเวณเคาน์เตอร์ ทำให้ลูกค้าไม่ต้องยืนรอ และพนักงานมีสมาธิกับการทำงานในครัวมากขึ้น
  • สัญญาณแรงและครอบคลุม: สามารถส่งสัญญาณได้อย่างมีเสถียรภาพในระยะทางที่เหมาะสม สำหรับการใช้งานในร้านค้าหรือศูนย์อาหารที่มีขนาดใหญ่
  • การแจ้งเตือน 3 รูปแบบ: เพจเจอร์สามารถแจ้งเตือนด้วยโหมด เสียง, สั่น, และ/หรือไฟกระพริบ ช่วยให้ลูกค้าไม่พลาดการเรียกคิวในทุกสภาพแวดล้อม
  • ทนทานและชาร์จซ้ำได้: ตัวเพจเจอร์ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี ทนทานต่อการใช้งานในร้านอาหาร และเป็นแบบชาร์จไฟได้ ลดความยุ่งยากในการเปลี่ยนแบตเตอรี่

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Pros)ข้อเสีย (Cons)
1. ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ลูกค้าสามารถรอได้อย่างอิสระและผ่อนคลายในพื้นที่อื่น ๆ ของร้าน1. มีความเสี่ยงในการสูญหาย/เสียหาย เพจเจอร์อาจถูกลูกค้าลืมนำมาคืน หรือเกิดความเสียหายจากการทำตกหล่น
2. ลดเสียงรบกวนในร้าน ลดความจำเป็นในการตะโกนเรียกชื่อหรือหมายเลขคิว ทำให้บรรยากาศเงียบสงบขึ้น2. ต้นทุนเริ่มต้นสูง การลงทุนซื้อระบบชุด 20 ตัว มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูงกว่าการใช้ป้ายคิวแบบกระดาษหรือระบบเสียงทั่วไป
3. จัดการคิวได้อย่างเป็นระบบ พนักงานสามารถเรียกคิวตามลำดับได้อย่างแม่นยำและเป็นระเบียบ3. ต้องมีการดูแลการชาร์จ เพจเจอร์ทุกตัวต้องถูกนำไปชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พร้อมใช้งานในวันถัดไป
4. ติดตั้งและใช้งานง่าย ตัวเครื่องส่งสัญญาณมีปุ่มตัวเลขที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งระบบสายไฟที่ซับซ้อน4. ถูกจำกัดด้วยระยะสัญญาณ หากระยะห่างจากฐานส่งสัญญาณไกลเกินไป หรือมีกำแพงหนามาก อาจทำให้เพจเจอร์รับสัญญาณได้ไม่ชัดเจน

3.เครื่องล้างจานขนาดใหญ่ ระบบสายพาน+Electrolux+ODT R-1E

เครื่องล้างจานขนาดใหญ่ ระบบสายพาน+Electrolux+ODT R-1E

เครื่องล้างจานระบบสายพาน Electrolux ODT R-1E คือ นวัตกรรมในครัว เชิงพาณิชย์ ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานล้างจานปริมาณมหาศาลอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เครื่องใช้ระบบสายพาน (Conveyor System) ช่วยให้การทำงานไหลลื่นและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล หรือโรงอาหารขนาดใหญ่ 

จุดเด่นสินค้า

  • กำลังการผลิตสูงมาก: สามารถล้างจานได้หลายพันชิ้นต่อชั่วโมง รองรับปริมาณงานที่เข้ามาอย่างไม่หยุดนิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนของธุรกิจขนาดใหญ่
  • ระบบการทำงานต่อเนื่อง: ด้วยระบบสายพาน ทำให้สามารถป้อนจานเข้าสู่เครื่องได้ตลอดเวลา เพิ่มความรวดเร็วและลดการสะสมของภาชนะสกปรก
  • ประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อ: รับประกันความสะอาดและสุขอนามัยสูงสุด โดยมีการควบคุมอุณหภูมิของน้ำยาฆ่าเชื้อที่แม่นยำตามมาตรฐานสากล
  • ประหยัดพลังงานและทรัพยากร: ออกแบบมาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้น้ำและพลังงานความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับการล้างด้วยมือในปริมาณงานที่เท่ากัน

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Pros)ข้อเสีย (Cons)
1. ประหยัดต้นทุนแรงงานในระยะยาว ทำหน้าที่แทนพนักงานล้างจานหลายคน ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน1. ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่มาก จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในห้องครัวเชิงพาณิชย์จำนวนมาก
2. มาตรฐานสุขอนามัยคงที่ มั่นใจได้ในความสะอาดและการฆ่าเชื้อที่สม่ำเสมอ ไม่ขึ้นอยู่กับความเหนื่อยล้าของคน2. ราคาลงทุนเริ่มต้นสูงมาก ค่าใช้จ่ายในการซื้อและติดตั้งระบบสายพานอยู่ในระดับสูงมาก
3. ความเร็วในการทำงานสูง สามารถประมวลผลภาชนะได้ตามความเร็วที่กำหนด ทำให้การไหลเวียนของจานไม่ติดขัด3. การบำรุงรักษามีความซับซ้อน ระบบกลไกและอิเล็กทรอนิกส์ซับซ้อนกว่าเครื่องล้างจานทั่วไป ต้องการช่างผู้เชี่ยวชาญ
4. ลดความเสียหายของภาชนะ การล้างด้วยระบบจะลดการสัมผัสและโอกาสที่ภาชนะจะถูกทำตกแตกเสียหาย4. ต้องมีการจัดเตรียมจานล่วงหน้า จำเป็นต้องขูดเศษอาหารออกและจัดเรียงภาชนะลงในตะแกรงก่อนนำเข้าเครื่อง

4.SPRING GREEN EVOLUTION เครื่องไสลด์หมูกึ่งอัตโนมัติ รุ่น MS07 ขนาด 7 นิ้ว ปรับความหนา 0-15 มม.

SPRING GREEN EVOLUTION เครื่องไสลด์หมูกึ่งอัตโนมัติ รุ่น MS07 ขนาด 7 นิ้ว ปรับความหนา 0-15 มม.

เครื่องสไลด์หมูกึ่งอัตโนมัติ Spring Green Evolution รุ่น MS07 เป็น เทคโนโลยีในครัว เชิงพาณิชย์ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการเตรียมวัตถุดิบ มาพร้อมใบมีดขนาด 7 นิ้ว

และสามารถปรับความหนาของการสไลด์ได้ตั้งแต่ 0-15 มม. เพื่อความหลากหลายในการทำอาหาร ช่วยลดการใช้แรงงานคนและสร้างมาตรฐานความสม่ำเสมอของชิ้นเนื้อ

จุดเด่นสินค้า

  • ความแม่นยำในการสไลด์สูง: สามารถปรับความหนาในการสไลด์ได้ตั้งแต่ 0-15 มม. ทำให้ได้ชิ้นเนื้อที่มีขนาดเท่ากันทุกชิ้นตามมาตรฐานที่กำหนด
  • กึ่งอัตโนมัติ: ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการหมุนใบมีด เพิ่มความรวดเร็วในการสไลด์ แต่ยังคงให้ผู้ใช้งานควบคุมการดันชิ้นเนื้อได้ตามต้องการ
  • ขนาดกะทัดรัด (7 นิ้ว): เหมาะสำหรับร้านอาหารขนาดเล็กถึงกลาง หรือผู้ประกอบการที่ต้องการเครื่องมือที่ทรงพลังแต่ไม่เปลืองพื้นที่ในครัว
  • ใช้งานได้หลากหลาย: สามารถสไลด์ได้ทั้งเนื้อสัตว์แช่แข็ง (เช่น หมู, เนื้อ) และวัตถุดิบอื่น ๆ ที่ต้องการความบางและสม่ำเสมอ

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Pros)ข้อเสีย (Cons)
1. ประหยัดเวลาการเตรียมวัตถุดิบ สไลด์เนื้อปริมาณมากได้เร็วกว่าการใช้มีดมาก ช่วยลดระยะเวลารออาหารของลูกค้า1. ต้องใช้ความระมัดระวังสูง ใบมีดมีความคมมาก ต้องปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานเพื่อความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
2. ควบคุมต้นทุนได้ดี การสไลด์เนื้อได้บางและสม่ำเสมอ ช่วยให้ควบคุมปริมาณเนื้อในแต่ละจานได้แม่นยำ2. ต้องทำความสะอาดอย่างละเอียด ต้องมีการถอดชิ้นส่วนและทำความสะอาดหลังการใช้งานทุกครั้งเพื่อสุขอนามัยที่ดี
3. ได้เนื้อสไลด์คุณภาพดี ชิ้นเนื้อที่สไลด์ด้วยเครื่องจะสวยงาม ไม่ฉีกขาด เหมาะสำหรับร้านชาบูหรือร้านปิ้งย่าง3. เหมาะสำหรับเนื้อแช่แข็งเท่านั้น หากสไลด์เนื้อสดหรือเนื้อที่นิ่มเกินไป อาจทำให้เนื้อไม่เป็นรูปทรงสวยงาม
4. ความทนทานระดับเชิงพาณิชย์ ตัวเครื่องมักทำจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน (เช่น อะลูมิเนียมหรือสเตนเลสสตีล) เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก4. มีเสียงดังขณะทำงาน มอเตอร์และใบมีดที่หมุนด้วยความเร็วอาจสร้างเสียงรบกวนในบริเวณใกล้เคียง

5.ตู้แช่เย็น 2 ประตู (33.5คิว) ซิสเต็มฟอร์ม รุ่นMCD-20

ตู้แช่เย็น 2 ประตู (33.5คิว) ซิสเต็มฟอร์ม รุ่นMCD-20

ตู้แช่เย็นแนวตั้ง 2 บานประตู ระบบซิสเต็มฟอร์ม (System Form) ขนาด 33.5 คิว รุ่น MCD-20 เป็น เทคโนโลยีในครัว เชิงพาณิชย์ที่เน้นประสิทธิภาพการทำความเย็นและการประหยัดพลังงาน ควบคุมอุณหภูมิความเย็นระหว่าง +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส

ด้วยระบบ Digital Control ที่มาพร้อมหน้าจอแสดงผล มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และมีชั้นวางปรับระดับได้ถึง 10 ชั้น พร้อมล้อเลื่อน 3 ล้อเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย

จุดเด่นสินค้า

  • ความจุขนาดใหญ่: มีความจุ 33.5 คิว (948 ลิตร) พร้อมชั้นวางปรับระดับได้ 10 ชั้น ทำให้จัดเก็บสินค้าได้ปริมาณมากและหลากหลาย
  • ระบบควบคุมดิจิทัล: ควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ Digital Control พร้อมหน้าจอแสดงผล ทำให้การตั้งค่าและการตรวจสอบอุณหภูมิแม่นยำและง่ายดาย
  • ประหยัดพลังงาน: ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องเปิดตู้แช่ตลอดเวลา
  • แสงสว่างภายในแบบ LED: ใช้หลอดไฟ LED Cool White ช่วยให้มองเห็นสินค้าภายในได้อย่างชัดเจน และประหยัดไฟกว่าหลอดไฟทั่วไป

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Pros)ข้อเสีย (Cons)
1. เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ความจุสูง (33.5 คิว) ตอบโจทย์ร้านค้าหรือห้องครัวที่ต้องแช่สินค้าปริมาณมาก1. ใช้เวลาจัดส่งนาน (Pre-Order) สินค้าต้องรอการผลิตประมาณ 30-45 วัน ทำให้ไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการใช้งานเร่งด่วน
2. ความสามารถในการทำความเย็นสูง ใช้คอมเพรสเซอร์ขนาด 1/3 แรงม้า ช่วยให้ทำความเย็นได้ดีและรวดเร็ว2. จัดส่งจำกัดพื้นที่ มีบริการจัดส่งเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น (ตามเงื่อนไขของผู้จำหน่าย)
3. เคลื่อนย้ายได้ง่าย มีล้อเลื่อน 3 ล้อ ติดตั้งมาพร้อมตู้ ทำให้สะดวกต่อการจัดตำแหน่งและทำความสะอาดพื้นที่3. รับประกันสั้น รับประกันระบบทำความเย็นเพียง 1 ปี (ตามเงื่อนไขโรงงาน)
4. ควบคุมอุณหภูมิแม่นยำ ระบบ Digital Control ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิระหว่าง +2 ถึง +8 °C ได้อย่างเสถียร4. ใช้สารทำความเย็น R-22 เป็นสารทำความเย็นรุ่นเก่า ซึ่งปัจจุบันมีการเปลี่ยนไปใช้ R-600a หรือ R-290 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

6.ตู้แช่ SHARP SJ-CX300T-W 300 ลิตร 10.9 คิว

ตู้แช่ SHARP SJ-CX300T-W 300 ลิตร 10.9 คิว

ตู้แช่แข็งฝาทึบแนวนอน SHARP รุ่น SJ-CX300T-W ขนาด 10.9 คิว (282 ลิตร) เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการ ถนอมอาหาร ในธุรกิจร้านค้าและครัวเชิงพาณิชย์ โดดเด่นด้วยฟังก์ชัน Fast Freezing (ทำความเย็นแบบเร่งด่วน)

และระบบควบคุมอุณหภูมิแบบเทอร์โมสตัดที่สามารถปรับใช้งานได้ทั้งแช่แข็งและแช่เย็น มีสัญญาณเตือน (Alarm) เมื่อปิดประตูไม่สนิทหรือบรรจุอาหารมากเกินไป ช่วยให้มั่นใจว่าวัตถุดิบจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างมีคุณภาพ

จุดเด่นสินค้า

  • Dual Function (แช่แข็ง/แช่เย็น): สามารถปรับอุณหภูมิเพื่อใช้งานได้ทั้งในโหมดตู้แช่แข็งและตู้แช่เย็นตามความต้องการในการจัดเก็บวัตถุดิบ
  • Fast Freezing: มีปุ่มทำความเย็นแบบเร่งด่วน ช่วยให้สามารถแช่แข็งวัตถุดิบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาความสดใหม่และคุณภาพของอาหาร
  • ระบบสัญญาณเตือนภัย (Alarm System): มีไฟสัญญาณเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ เช่น ปิดประตูไม่สนิท หรือบรรจุอาหารมากเกินไป ช่วยป้องกันความเสียหายของวัตถุดิบ
  • ล้อเลื่อนและกุญแจล็อค: มาพร้อมล้อเลื่อนทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายและทำความสะอาด และมีกุญแจล็อคเพื่อความปลอดภัยในการจัดเก็บสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Pros)ข้อเสีย (Cons)
1. ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ เป็นตู้แช่แบบอเนกประสงค์ สามารถสลับไปมาระหว่างแช่แข็งกับแช่เย็นได้1. ต้องละลายน้ำแข็งเอง (Defrost) เนื่องจากเป็นตู้แช่แข็งฝาทึบ อาจเกิดน้ำแข็งเกาะ ทำให้ต้องละลายน้ำแข็งเป็นระยะ
2. น้ำยาทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้น้ำยา R600a (NON CFC) ซึ่งเป็นมิตรต่อชั้นบรรยากาศโอโซน2. การจัดเก็บไม่เป็นระเบียบเท่าตู้ยืน เป็นตู้ฝาทึบแนวนอน ทำให้การจัดเก็บและค้นหาสินค้าที่อยู่ด้านล่างทำได้ยากกว่า
3. ไฟส่องสว่าง LED ภายในตู้ ช่วยให้มองเห็นสินค้าที่จัดเก็บได้ชัดเจน แม้ในที่มืด และประหยัดพลังงาน3. อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงได้ง่าย การเปิดฝาตู้แช่แนวนอนบ่อยครั้งในช่วงเร่งด่วน อาจทำให้อุณหภูมิภายในตู้แกว่งได้
4. การรับประกันยาวนาน รับประกันคอมเพรสเซอร์ถึง 5 ปี ทำให้มั่นใจในความทนทานของหัวใจหลักในการทำความเย็น4. การใช้พื้นที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ รูปแบบแนวนอนทำให้ใช้พื้นที่พื้น (Floor Space) มากกว่าตู้แช่แนวตั้งในปริมาณความจุที่เท่ากัน

7.PANASONIC เตาอบไมโครเวฟ รุ่น NE-1753TDE ขนาด 18 ลิตร

PANASONIC เตาอบไมโครเวฟ รุ่น NE-1753TDE ขนาด 18 ลิตร

เตาอบไมโครเวฟเชิงพาณิชย์ Panasonic รุ่น NE-1753TDE เป็นหนึ่งใน เทคโนโลยีในห้องครัวมีอะไรบ้าง ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและคุณภาพในการปรุงอาหารสำหรับธุรกิจ

ตัวเครื่องเป็นสเตนเลสสตีลทั้งภายในและภายนอก สามารถตั้งโปรแกรมการทำงานอัตโนมัติได้มากถึง 30 โปรแกรม และให้ความร้อนจากทั้งด้านบนและด้านล่าง ทำให้อาหารได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง

จุดเด่นสินค้า

  • กำลังไฟสูงระดับเชิงพาณิชย์: มีกำลังไฟสูงสุด 1,700 วัตต์ (ปรับได้ 15 ระดับ) ทำให้การอุ่นหรือปรุงอาหารเป็นไปอย่างรวดเร็ว เหมาะกับร้านอาหารที่ต้องการความเร็วในการเสิร์ฟ
  • ระบบความร้อน 2 ทิศทาง: ให้ความร้อนจากทั้งด้านบนและด้านล่าง (Double Heating System) ทำให้อาหารทุกส่วนได้รับความร้อนอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ
  • หน่วยความจำ 30 โปรแกรม: สามารถตั้งโปรแกรมการทำอาหารที่ใช้ซ้ำบ่อยได้มากถึง 30 โปรแกรม ช่วยลดขั้นตอนและลดความผิดพลาดในการทำงานของพนักงาน
  • วัสดุสเตนเลสสตีล: วัสดุภายในและภายนอกทำจากสเตนเลส ทำให้ทำความสะอาดง่าย ทนทานต่อการใช้งานหนัก และรักษาความสะอาดถูกสุขอนามัย

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Pros)ข้อเสีย (Cons)
1. ประหยัดเวลาอย่างมาก ด้วยกำลังไฟสูงและการตั้งโปรแกรม ทำให้ลดเวลาการเตรียมอาหารในช่วงเร่งด่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ1. ราคาสูง มีราคาสูงกว่าไมโครเวฟสำหรับครัวเรือนทั่วไปมาก เนื่องจากเป็นรุ่นเชิงพาณิชย์
2. ความร้อนทั่วถึง ระบบความร้อนสองทางทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารจะอุ่นร้อนถึงด้านใน ไม่ใช่แค่ผิวภายนอก2. ขนาดจำกัดเมื่อเทียบกับกำลังไฟ แม้มีกำลังไฟสูง แต่ความจุภายในมีเพียง 18 ลิตร อาจไม่เพียงพอต่อภาชนะขนาดใหญ่บางประเภท
3. ทนทานต่อการใช้งานหนัก ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานต่อเนื่องและบ่อยครั้งในสภาพแวดล้อมร้านอาหาร3. ไม่มีฟังก์ชันอบ/ย่างแบบเตาอบทั่วไป เน้นที่การปรุงหรืออุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟเป็นหลัก ไม่ใช่เตาอบแบบมีขดลวดทำความร้อน
4. มีฟังก์ชันล็อคปุ่มกด ป้องกันการลบข้อมูลโปรแกรม หรือการเริ่มการทำงานของเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ (Safety Lock)4. มีน้ำหนักมาก ด้วยน้ำหนักสุทธิ 32.5 กก. ทำให้การเคลื่อนย้ายหรือติดตั้งต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

8.หม้อหุงข้าวระบบแก๊สอัตโนมัติ LUCKY FLAME RRA-156N

หม้อหุงข้าวระบบแก๊สอัตโนมัติ LUCKY FLAME RRA-156N

หม้อหุงข้าวระบบแก๊สอัตโนมัติ Lucky Flame รุ่น RRA-156N เป็นหนึ่งใน เทคโนโลยีในห้องครัวมีอะไรบ้าง ที่ตอบโจทย์การหุงข้าวปริมาณมากในธุรกิจอาหาร

ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุเหล็กและสเตนเลส มีความทนทานสูง พร้อมระบบป้องกันความร้อนมากเกินไป และอุปกรณ์ความปลอดภัยของระบบเปลวไฟล้ม

จุดเด่นสินค้า

  • ความทนทานสูงสุด: ผลิตจากวัสดุเหล็กและสเตนเลสคุณภาพสูง ทำให้ทนทานต่อการใช้งานหนักและมีอายุการใช้งานยาวนานในครัวเชิงพาณิชย์
  • ระบบความปลอดภัยอัตโนมัติ: มีอุปกรณ์ความปลอดภัยป้องกันการรั่วไหลของก๊าซ และระบบป้องกันความร้อนสูงเกินไป ซึ่งช่วยหยุดการเผาไหม้ที่ผิดปกติได้
  • โหมดการหุงหลากหลาย: มี 4 โหมดการหุงข้าว (ขนาดเล็ก, มาตรฐาน, หุงหยาบ, หุงต่อเนื่อง) ทำให้สามารถเลือกการทำงานให้เหมาะสมกับปริมาณและชนิดของข้าวที่หุง
  • ระบบทำงานต่อเนื่องได้: สามารถเลือกใช้ระบบการทำงานต่อเนื่องได้ (Continuous Mode) เหมาะสำหรับร้านอาหารหรือโรงทานที่ต้องใช้ข้าวจำนวนมากตลอดทั้งวัน

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Pros)ข้อเสีย (Cons)
1. กำลังการผลิตสูง หุงข้าวปริมาณมากได้เร็วกว่าหม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้ตอบสนองความต้องการของครัวขนาดใหญ่ได้อย่างดี1. ราคาลงทุนเริ่มต้นสูงมาก มีราคาสูงกว่าหม้อหุงข้าวไฟฟ้าทั่วไปมาก เหมาะสำหรับธุรกิจที่เน้นปริมาณการหุงสูงเท่านั้น
2. ความทนทานระดับอุตสาหกรรม วัสดุเหล็ก/สเตนเลส และการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานหนักทำให้ไม่เสียง่าย2. น้ำหนักมากและขนาดใหญ่ น้ำหนักถึง 150 กก. และมีขนาดใหญ่ ทำให้ยากต่อการติดตั้งและการเคลื่อนย้าย
3. ประหยัดพลังงาน การหุงด้วยแก๊สมีต้นทุนพลังงานต่อครั้งต่ำกว่าการใช้ไฟฟ้า ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว3. ต้องมีการต่อท่อแก๊สและระบบระบายอากาศ การติดตั้งต้องเชื่อมต่อกับระบบแก๊ส (LPG หรือ NG) และต้องการพื้นที่ระบายอากาศที่เหมาะสม
4. สามารถหุงด้วยมือได้ (Manual) มีระบบสำรองที่อนุญาตให้จุดไฟหุงข้าวด้วยตนเองได้เมื่อเกิดวงจรไฟฟ้าดับ4. รับประกันจำกัด เงื่อนไขการรับประกันครอบคลุมเฉพาะความชำรุดจากการขนส่งเท่านั้น (ตามข้อมูลสินค้า)

9.เตาปิ้งย่าง สําหรับร้านอาหาร LUCKY FLAME RGP-46A

เตาปิ้งย่าง สําหรับร้านอาหาร LUCKY FLAME RGP-46A

เตาปิ้งย่าง Salamander Infrared Lucky Flame รุ่น RGP-404B เป็น เทคโนโลยีในครัว เชิงพาณิชย์ที่ออกแบบมาเพื่อการปิ้งย่างอาหารที่ต้องการความร้อนสูงอย่างรวดเร็วและไร้ควัน ใช้ระบบอินฟราเรด (Infrared) ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์และลดควันได้อย่างดีเยี่ยม

มีระบบจุดประกายไฟอัตโนมัติ พร้อมการปรับระดับความสูงของการปิ้งย่างที่ด้านหน้า เพื่อควบคุมความสุกของอาหารได้อย่างแม่นยำ

จุดเด่นสินค้า

  • ระบบอินฟราเรด (Infrared): ใช้ความร้อนจากเตาอินฟราเรด ทำให้ปิ้งย่างอาหารได้อย่างรวดเร็ว สม่ำเสมอ และลดปัญหาควันและกลิ่นไหม้
  • การปรับระดับได้ง่าย: สามารถปรับระดับการปิ้งย่างได้ที่ด้านหน้าของเครื่อง ทำให้สามารถควบคุมระยะห่างระหว่างอาหารกับแหล่งความร้อนได้ง่าย เพื่อผลลัพธ์การปรุงที่หลากหลาย
  • จุดประกายไฟอัตโนมัติ: มีระบบควบคุมเตาที่จุดประกายไฟได้อัตโนมัติ ทำให้การเริ่มต้นใช้งานสะดวกและปลอดภัย
  • ดีไซน์ยืดหยุ่น: มีตัวเลือกดีไซน์ทั้งแบบตั้งพื้นและแบบติดผนัง ทำให้สามารถติดตั้งในพื้นที่ครัวเชิงพาณิชย์ที่มีข้อจำกัดได้อย่างเหมาะสม

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Pros)ข้อเสีย (Cons)
1. ปิ้งย่างไร้ควัน ระบบอินฟราเรดช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ลดควันและกลิ่นไหม้ เหมาะสำหรับครัวเปิดหรือร้านค้าที่ไม่ต้องการควันมาก1. ราคาสูง เป็นอุปกรณ์ครัวเชิงพาณิชย์ที่มีราคาสูง ทำให้การลงทุนเริ่มต้นต้องใช้งบประมาณมาก
2. ความร้อนสูงและรวดเร็ว ให้ความร้อนที่สม่ำเสมอและมีความเข้มข้นสูง ทำให้การปรุงอาหาร (เช่น การย่างชีส, การทำสีผิวเนื้อ) เสร็จเร็ว2. ทำความสะอาดช่องด้านบนยาก เนื่องจากระบบทำความร้อนอยู่ด้านบน การทำความสะอาดคราบน้ำมันและเศษอาหารภายในอาจต้องใช้ความระมัดระวัง
3. ทนทานสำหรับงานหนัก วัสดุและการออกแบบสร้างมาเพื่อรองรับการใช้งานต่อเนื่องในร้านอาหารหรือโรงแรม3. จำกัดรูปแบบอาหาร เหมาะสำหรับอาหารที่ต้องการการย่างหรือการให้ความร้อนจากด้านบน (Finishing Broiler) มากกว่าการย่างแบบตะแกรงปกติ
4. ประหยัดพลังงานแก๊ส ระบบอินฟราเรดมีประสิทธิภาพสูงในการเปลี่ยนแก๊สเป็นความร้อน ทำให้ประหยัดการใช้แก๊สกว่าเตาแก๊สแบบเปิดทั่วไป4. ต้องระมัดระวังในการติดตั้ง ต้องติดตั้งในบริเวณที่มีการระบายอากาศที่เหมาะสม เนื่องจากยังใช้แก๊สเป็นแหล่งพลังงาน

10.MEX เครื่องผสมอาหาร 800 วัตต์ รุ่น STANDCOOL105 สีครีม ขนาด 5 ลิตร

MEX เครื่องผสมอาหาร 800 วัตต์ รุ่น STANDCOOL105 สีครีม ขนาด 5 ลิตร

เครื่องผสมอาหาร MEX รุ่น STANDCOOL105 สีครีม คือ เทคโนโลยีในครัว ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการทำเบเกอรี่และการเตรียมอาหารที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ มาพร้อมมอเตอร์กำลังไฟ 800 วัตต์ และโถสเตนเลสขนาด 5 ลิตรที่แข็งแรง และมีจอแสดงเวลาการใช้งาน ทำให้การควบคุมส่วนผสมต่าง ๆ เป็นไปอย่างแม่นยำและมืออาชีพ

จุดเด่นสินค้า

  • มอเตอร์ทรงพลังพร้อมระบบระบายความร้อนพิเศษ: มอเตอร์ 800 วัตต์ พร้อมระบบระบายความร้อนที่ได้รับสิทธิบัตร ช่วยให้เครื่องสามารถทำงานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 1 ชั่วโมง โดยไม่เกิดความร้อนสะสม
  • การควบคุมความเร็วแบบละเอียด: สามารถปรับความเร็วได้ 9 ระดับ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมจอแสดงเวลา ทำให้การตีส่วนผสมมีความแม่นยำตามสูตรที่ต้องการ
  • โถสเตนเลสขนาดใหญ่: โถผสมสเตนเลสความจุ 5 ลิตร ทนทานต่อการใช้งานหนัก และรองรับการผสมส่วนผสมปริมาณมาก เหมาะสำหรับครัวเรือนขนาดใหญ่หรือธุรกิจขนาดเล็ก
  • ทำงานเงียบและปลอดภัย: มีระดับเสียงต่ำเพียง 70 เดซิเบล และมีระบบความปลอดภัยที่จะหยุดมอเตอร์อัตโนมัติทันทีเมื่อยกคอตีขึ้น ป้องกันอันตรายขณะใช้งาน

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี (Pros)ข้อเสีย (Cons)
1. ใช้งานต่อเนื่องได้นาน ระบบระบายความร้อนที่ดีทำให้สามารถตีแป้งหนัก หรือตีส่วนผสมที่ใช้เวลานานได้อย่างสบาย1. อุปกรณ์เสริมต้องซื้อเพิ่ม ตัวเครื่องรองรับอุปกรณ์เสริมหลายชนิด (เช่น เครื่องบดอาหาร, เครื่องทำพาสต้า) แต่ต้องซื้อแยกต่างหาก
2. อเนกประสงค์ด้วยหัวตี 3 ชนิด มาพร้อมหัวตีตะกร้อ (ตีไข่/วิปครีม), หัวตีตะขอ (นวดแป้งขนมปัง) และหัวใบพาย (ตีเนย/เค้ก) ครบครัน2. น้ำหนักตัวเครื่อง ตัวเครื่องมีความแข็งแรงและน้ำหนักพอสมควร (ผลิตจากอะลูมิเนียม) อาจไม่สะดวกต่อการยกหรือเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ
3. การออกแบบสวยงาม ดีไซน์สีครีม (Stand Cool) และตัวเครื่องที่แข็งแรงผลิตจากอะลูมิเนียม ทำให้เป็นอุปกรณ์ที่ดูดีในห้องครัว3. ราคาสูงเมื่อเทียบกับรุ่นเริ่มต้น ด้วยฟังก์ชันระดับมืออาชีพ ทำให้มีราคาสูงกว่าเครื่องผสมอาหารทั่วไปสำหรับใช้ในครัวเรือน
4. ความเร็วคงที่สม่ำเสมอ ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ช่วยรักษาความเร็วในการหมุนให้คงที่ ทำให้ส่วนผสมเข้ากันดีตลอดเวลา4. ไม่มีรายละเอียดการรับประกันสินค้า ข้อมูลสินค้าที่แสดงไม่ได้ระบุระยะเวลาการรับประกันที่ชัดเจน (ต้องตรวจสอบกับผู้จำหน่ายโดยตรง)

รู้จักประเภทของเทคโนโลยีในครัว มีอะไรบ้าง ?

เทคโนโลยีในครัว ได้ก้าวข้ามจากอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปไปสู่ระบบอัจฉริยะที่ผนวกการควบคุมแบบแม่นยำและระบบอัตโนมัติเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดของเสีย และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร

1. เทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิขั้นสูง (Advanced Temperature Control): เน้นความแม่นยำในการปรุงอาหารระดับสูง เช่น เครื่อง Sous Vide และ Combi Ovens ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้แม่นยำมาก

2. ระบบการจัดการครัวอัจฉริยะและ AI (Smart Kitchen Management Systems): ใช้ซอฟต์แวร์และปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูล จัดการสินค้าคงคลัง จัดลำดับการทำงาน (Workflow Optimization) และลดของเสีย (Waste Reduction)

3. อุปกรณ์ทำความสะอาดและสุขอนามัยอัตโนมัติ (Automated Sanitation Tech): เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นความปลอดภัยอาหาร (Food Safety) เช่น เครื่องล้างจานและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อแบบพิเศษที่ได้มาตรฐาน HACCP

4. เทคโนโลยีการปรุงอาหารขั้นสูง (Advanced Cooking Tech): เน้นความรวดเร็วและประสิทธิภาพพลังงาน เช่น เตา Induction ประสิทธิภาพสูง และการนำ แขนกลหุ่นยนต์ มาใช้ในงานซ้ำที่ต้องการความแม่นยำ

5. การเชื่อมต่ออัจฉริยะและ IoT (Connectivity and IoT): การเชื่อมโยงอุปกรณ์ทั้งหมดในครัวเข้ากับเครือข่ายเพื่อให้สามารถควบคุม ตรวจสอบ และสั่งการจากระยะไกลได้ผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มคลาวด์

How to เลือกเครื่องครัวที่มีเทคโนโลยีในครัวล้ำๆ

การลงทุนในเครื่องครัวที่มาพร้อม เทคโนโลยีในครัว ล้ำสมัย ต้องอาศัยการพิจารณาอย่างรอบด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าจะตอบโจทย์การใช้งานจริงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำอาหารได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

1. พิจารณาความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิ: เลือกอุปกรณ์ที่ให้ความแม่นยำสูง (เช่น เตา Induction หรือ Combi Oven) ซึ่งมีความสำคัญต่อการควบคุมคุณภาพและรสชาติอาหารให้สม่ำเสมอ

2. ตรวจสอบคุณสมบัติการเชื่อมต่อและ AI: พิจารณาว่าอุปกรณ์นั้นสามารถเชื่อมต่อกับระบบบริหารจัดการครัว (KMS) หรือแอปพลิเคชันได้หรือไม่ เพื่อใช้ในการจัดการข้อมูลและการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์

3. ประเมินความทนทานและมาตรฐานสุขอนามัย: เลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง ทำความสะอาดง่าย และมีคุณสมบัติต้านทานน้ำ/ฝุ่น เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยอาหาร (Food Safety)

4. คุ้มค่าต่อการลงทุนและประหยัดพลังงาน: เปรียบเทียบต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) และเลือกเครื่องครัวที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง (เช่น เตา Induction) เพื่อลดค่าใช้จ่ายระยะยาว

5. ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่น: แม้จะเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ควรเลือกเครื่องครัวที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย (User-Friendly) และสามารถปรับการตั้งค่าเพื่อรองรับเมนูอาหารที่หลากหลายได้

3 คำถามควรรู้ก่อนซื้อเครื่องครัวที่มีเทคโนโลยีในครัวสุดไฮเทค 

ก่อนตัดสินใจลงทุนในเครื่องครัวอัจฉริยะราคาแพง องค์กรควรพิจารณาถึงความต้องการที่แท้จริง เพื่อให้แน่ใจว่า เทคโนโลยีในครัว ที่เลือกนั้นสร้างผลตอบแทนสูงสุดและเหมาะสมกับการดำเนินงาน

1. อุปกรณ์ครัวอัจฉริยะคืออะไร?

อุปกรณ์ครัวอัจฉริยะคือเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่ถูกผนวกเข้ากับเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และ AI เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน และทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้โดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการทำอาหาร

2. เทคโนโลยีช่วยให้การทำอาหารง่ายขึ้นได้อย่างไร?

เทคโนโลยีช่วยลดความซับซ้อนของการทำอาหารผ่านความแม่นยำระดับสูง (เช่น การควบคุมอุณหภูมิแบบ Sous Vide), การทำงานอัตโนมัติ (เช่น หุ่นยนต์ช่วยเตรียมวัตถุดิบ), และการจัดการข้อมูล (เช่น การแจ้งเตือนสินค้าคงคลัง) ซึ่งลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ

3. อนาคตของเทคโนโลยีในครัวจะเป็นอย่างไร?

ในอนาคต เทคโนโลยีในครัว จะเน้นการบูรณาการที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยมีระบบ AI ที่เรียนรู้ความชอบด้านโภชนาการส่วนบุคคล, ระบบ Automation ที่ทำอาหารได้ตั้งแต่ต้นจนจบ, และการเน้นที่ความยั่งยืนผ่านการจัดการพลังงานและลดของเสียอย่างเต็มรูปแบบ

เทคโนโลยีในครัว นวัตกรรมที่ช่วยให้เชฟรังสรรค์ทุกเมนูให้เป็นจริงได้ 

เทคโนโลยีในครัว คือเครื่องมือสำคัญที่พลิกโฉมการทำอาหารระดับมืออาชีพ โดยช่วยให้เชฟสามารถควบคุมความแม่นยำของอุณหภูมิ, จัดการขั้นตอนการทำงานด้วย AI, และรักษามาตรฐานสุขอนามัยในทุกเมนู นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพ 

แต่ยังเปิดโอกาสให้เชฟได้ทดลองและรังสรรค์เมนูที่ซับซ้อนให้เป็นจริงได้ด้วยความสม่ำเสมอในทุกจาน และคุณสามารถค้นหาอุปกรณ์และเทคโนโลยีครัวคุณภาพสูงเหล่านี้ได้ที่ OFM เพื่อก้าวทันโลกของการทำอาหารยุคใหม่

ดีลสุดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่! 🔥

🛍️ ซื้อครบ 999.- ใส่โค้ด “NEW10” รับส่วนลด 10% (สูงสุด 1,000 บาท)

💥รับคะแนน The 1 X3 (1,000 บาท)

🎯 ยิ่งช้อป ยิ่งลด! อย่าพลาดดีลสุดคุ้มวันนี้!

📌 ช้อปเลย 👉  https://www.ofm.co.th

0 CommentsClose Comments

Leave a comment