ผนังบวมจากน้ำฝน ร่อนแตกลายเพราะแดดจัด หรืออยากเปลี่ยนสีผนังห้องใหม่ ไม่จำเป็นต้องจ้างช่าง วันนี้ OfficeMate มีขั้นตอนการทาสีผนังห้องด้วยตัวเองมาฝาก เริ่มตั้งแต่การเลือกสีทาผนัง ไปจนถึงขั้นตอนเก็บงาน มาเริ่มกันเลย!

6 ขั้นตอนทาสีผนังห้อง สำหรับมือใหม่

ขั้นตอนที่ 1 : การเลือกสีทาผนัง

การเลือกสีทาผนังนั้นเลือกไม่ยาก เพียงแค่เลือกให้ถูกว่าจะใช้สีทาภายในหรือสีทาภายนอก หากคุณต้องการเปลี่ยนสีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ก็เลือกสีทาภายใน เน้นที่ทำความสะอาดง่าย และกลิ่นไม่ฉุน ส่วนถ้าอยากซ่อมแซมสภาพผนังภายนอกบ้าน ก็เลือกสีทาภายนอกที่ทนต่อสภาพอากาศ กันน้ำ และทนแดดได้ จะช่วยให้สีติดทนนาน ไม่ต้องทาทับหรือเปลี่ยนบ่อย ส่วนเรื่องสีอยากได้โทนไหน เฉดไหน ก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ ปัจจุบันร้านค้าและห้างสรรพสินค้าหลายๆ แห่งที่จำหน่ายสีทาบ้าน สามารถผสมสีตามเฉดที่ลูกค้าเลือกมาได้ เพียงแค่มีสีต้นแบบไปยื่นให้ดูเท่านั้น ถือว่าสะดวกมากๆ เลยค่ะ  

ขั้นตอนที่ 2 : เตรียมอุปกรณ์ทาสี

ทาสีผนังห้อง
เตรียมอุปกรณ์ทาสีให้เรียบร้อย ก่อนลงมือ

ก่อนลงมือทาสี ควรเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดให้เรียบร้อย จะได้ทำงานอย่างคล่องตัว ไม่ติดขัด อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมมีดังนี้

  • สีรองพื้น
  • สีทาผนัง
  • ลูกกลิ้งทาสี : สำหรับทาในบริเวณกว้าง 
  • แปรงทาสี : สำหรับเก็บขอบหรือมุม
  • ถังสี / ถาดสี : สำหรับแบ่งสีเพื่อความสะดวกในการทา  
  • ผ้าใบ / หนังสือพิมพ์ / กระดาษลัง : สำหรับปูพื้นห้อง
  • เทปกาว : สำหรับแปะบริเวณปลั๊กไฟ ขอบหน้าต่าง ขอบประตู แนะนำให้ใช้เทปกาวย่น จะไม่ทิ้งคราบกาวหลังลอกออก
  • เกรียง : สำหรับขัดสีเก่าหรือลอกวอลเปเปอร์
  • กระดาษทราย : สำหรับขัดผนังให้เรียบก่อนทาสี

ขั้นตอนที่ 3 : เตรียมผนังก่อนทาสี

การเตรียมผนังก่อนทาสีจะช่วยให้สีใหม่ที่ทาไปสวยงามเรียบเนียนและอยู่ทน ขั้นตอนการเตรียมผนังอาจแตกต่างกันออกไปตามสภาพผนังของแต่ละบ้าน หากมีวอลเปเปอร์แปะไว้ ให้ใช้เกรียงแซะวอลเปเปอร์และขัดกาวติดวอลเปเปอร์ออกทั้งหมด หรือหากสีเก่าหลุดร่อน บวมผุ ก็ให้ใช้เกรียงแซะออกให้เรียบร้อยก่อน หากผนังมีคราบเชื้อรา ตะไคร่ หรือเขม่า ให้ใช้แปรงขัดทำความสะอาด ล้างด้วยน้ำเปล่า และปล่อยเอาไว้ให้แห้งสนิท

เมื่อทำการชำระล้างคราบสกปรกและกำจัดร่องรอยบนผนังเก่าออกทั้งหมดแล้ว ให้มองหารอยร้าวบนผนัง หากผนังมีรอยร้าวไม่เกิน 1 มม. ให้อุดรอยร้าวด้วยสีโป๊วปูนก่อน เวลาทาสีจะได้เรียบเนียนไม่ตกร่อง

ขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมผนัง คือ ใช้กระดาษทรายเบอร์ 3 ขัดให้ทั่วผนังที่ต้องการทาสี กระดาษทรายจะช่วยขัดเอาเม็ดทรายแหลมๆ บนผนังออกไปได้ ช่วยให้ทาสีง่ายขึ้นและสีเรียบเนียนยิ่งขึ้น เมื่อเตรียมผนังเสร็จเรียบร้อย และผนังแห้งดี ไม่มีคราบ ก็ถึงเวลาของขั้นตอนถัดไป       

ทาสีผนังห้อง
เตรียมพื้นผิว แซะวอลเปเปอร์และสีเก่าด้วยเกรียง

ขั้นตอนที่ 4 : ทารองพื้นก่อนลงสีจริง

สีรองพื้นจะช่วยให้สีจริงติดง่ายและติดทนบนผนัง หากเลือกสีรองพื้นที่ป้องกันเชื้อรา ป้องกันความชื้น หรือเป็นสีรองพื้นที่กันน้ำได้ ก็จะช่วยปกป้องผนังบ้านจากปัญหาน่าปวดหัวได้อีกด้วย

สีรองพื้นมีให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบก็มีข้อดีและเหมาะกับสภาพผนังที่แตกต่างกัน เช่น สีรองพื้นสูตรน้ำ เหมาะกับผนังภายในบ้านหรือภายในห้อง เพราะกลิ่นไม่ฉุนและแห้งเร็ว, สีรองพื้นสูตรน้ำมัน มีคุณภาพสูงกว่าสูตรน้ำ แต่กลิ่นฉุน เหมาะกับผนังภายนอกบ้าน หรือสีรองพื้นสีขาว เหมาะกับผนังที่มีปัญหาเรื่องพื้นผิว สีขาวของรองพื้นจะช่วยกลบรอยและอุดรอยร้าวเล็กๆ ได้ดี แต่ถ้าเป็นผนังใหม่ที่ไม่มีปัญหาเรื่องรอย ก็ใช้สีรองพื้นสูตรใสได้เลย

การทาสีรองพื้นให้ทาทั่วผนังเพียง1 ชั้น และรอให้แห้งสนิทอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก่อนลงสีจริง    

ขั้นตอนที่ 5 : ทาสีผนัง

ทาสีผนังห้อง
สีผนังควรทา 2 ชั้น เพื่อความสวยงามและติดทน

มาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ก็คือ การทาสีผนัง หลังจากสีรองพื้นแห้งสนิทดีแล้ว ให้เริ่มลงสีผนังได้เลย การทาสีแนะนำให้ทา 2 ชั้น โดยทาสีชั้นแรกทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วทาสีชั้นที่ 2 ทับลงไป จะช่วยให้สีติดทน สดชัด และกลบร่องรอยต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

แต่ก่อนจะทาสีผนัง อย่าลืมปูพื้นด้วยผ้าใบหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ แปะขอบหน้าต่าง ขอบประตู ขอบเพดาน ปลั๊กไฟ หรือเครื่องปรับอากาศให้เรียบร้อย และควรเริ่มทาสีจากมุมห้องด้วยแปรงทาสี เก็บขอบเก็บมุมให้เรียบร้อย แล้วค่อยใช้ลูกกลิ้งทาสีในบริเวณพื้นที่กว้าง จะช่วยให้งานเสร็จไวและเรียบร้อยขึ้น 

*ทริคในการใช้ลูกกลิ้งทาสี ก่อนทาสีให้นำลูกกลิ้งแช่ในน้ำเปล่าเพื่อชะล้างเอาฝุ่นออก จากนั้นนำมากลิ้งบนพื้นสะอาด หรือบนกระดาษ เพื่อรีดเอาน้ำส่วนเกินออก เพราะหากลูกกลิ้งแฉะเกินไป อาจทำให้สีหยดย้อยไปตามผนังหรือไหลเลอะเทอะได้ หรือถ้าลูกกลิ้งแห้งเกินไป สีอาจจะไม่ติดและทายากขึ้น 

ขั้นตอนที่ 6 : เก็บรายละเอียด

ขั้นตอนสุดท้าย คือ เก็บรายละเอียดให้เรียบร้อย หลังจากปล่อยให้สีชั้นที่ 2 แห้งสนิทดีแล้ว (ทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน) ให้ลอกเทปกาวที่แปะไว้ออก ใช้แปรงทาสีเก็บขอบมุมอีกรอบ แนะนำให้ทำอย่างใจเย็นจะได้ไม่ต้องมาตามแก้กันทีหลัง เท่านี้การทาสีผนังก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ 

การทาสีบ้านด้วยตัวเองไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ เพียงแค่ต้องเลือกสีให้ถูก เตรียมผนังให้เป็น และใช้ทริคนิดหน่อย ก็สามารถทาสีบ้านด้วยตัวเองได้แล้ว อาจจะต้องใช้ความอดทนและแรงกายสักนิด แต่ OfficeMate เชื่อว่าผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้หายเหนื่อยแน่นอน

ใครอยากเปลี่ยนสีผนัง ปรับลุคใหม่ให้ห้อง เข้ามาช้อปอุปกรณ์ทาสี เอาไปสร้างสรรค์ผนังสวยๆ ด้วยตัวเอง ได้เลยที่ OfficeMate ช้อปวันนี้ ส่งฟรี! เมื่อสั่งซื้อครบ 499 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก