‘ช้อปดีมีคืน’ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในปี 2565 ที่เพิ่งผ่านมติครม. มาแบบสดๆ ร้อนๆ เป็นมาตรการเพื่อกระตุ้นให้คนออกไปจับจ่ายใช้สอย ซึ่งใบเสร็จจากการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้!
แค่นี้ก็ว้าวแล้วใช่มั้ยคะ ไปดูรายละเอียดและเงื่อนไขเต็มๆ ของมาตรการ ‘ช้อปดีมีคืน’ กันเลยดีกว่า
รายละเอียดมาตรการ ‘ช้อปดีมีคืน’
‘ช้อปดีมีคืน’ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายสำหรับบุคคลเสียภาษีเงินได้ โดยนำใบเสร็จจากการใช้จ่ายสินค้าหรือบริการภายในประเทศ ไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนอยู่ในระบบภาษี (VAT) และส่งเสริมผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่น ส่งเสริมการอ่าน และกระตุ้นให้คนออกไปจับจ่ายใช้สอย โดยมาตรการนี้จะ เริ่มต้นตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ไปจนถึง 15 กุมภาพันธ์ 2565
รายการช้อปเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีจะสามารถใช้ลดหย่อนภาษีปี 2565 ที่จะเก็บในช่วงต้นปี 2566 เท่านั้น ไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีปี 2564 ที่จะต้องจ่ายในเร็ววันนี้ได้
เงื่อนไขต้องรู้ ‘ช้อปดีมีคืน’ ซื้ออะไรได้บ้าง?
‘ช้อปดีมีคืน’ ซื้ออะไรได้บ้าง?
- สินค้า และบริการ ของผู้ประกอบการภายในประเทศที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต
- ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารที่จดทะเบียน VAT
- ร้านค้าทั่วไป รวมถึงร้านค้าออนไลน์ที่สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบให้ได้
- สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชน
สินค้าที่ไม่ร่วมมาตรการ ‘ช้อปดีมีคืน’
- สุรา เบียร์ ไวน์
- ยาสูบ
- น้ำมัน และก๊าซ เติมยานพาหนะ
- หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ทั้งแบบเล่ม และอิเล็กทรอนิกส์
- ธุรกิจนำเที่ยว
- รถยนต์ มอเตอร์ไซด์ และเรือ
- ค่าที่พัก เช่น โรงแรม
- ต่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ฯลฯ
- สลากกินแบ่งรัฐบาล
- ตั๋วเครื่องบิน
ใครใช้สิทธิ์ ‘ช้อปดีมีคืน’ ได้บ้าง?
- ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกคน (ยกเว้นนิติบุคคล) ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน เพียงเก็บหลักฐานการช้อปเอาไว้รอลดหย่อนเท่านั้น!
ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ไปจนถึง 15 กุมภาพันธ์ 2565
ใครไม่สามารถใช้สิทธิ์ ‘ช้อปดีมีคืน’ ได้
- ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)
- ผู้เข้าร่วมโครงการ ‘คนละครึ่ง’
ลดหย่อนภาษี ‘ช้อปดีมีคืน’ ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
- ใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มรูปแบบจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการ
- ใบเสร็จจากร้านค้า เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ทำความเข้าใจ เงื่อนไขการจ่ายภาษีคืน
การลดหย่อนภาษี หรือ การจะได้เงินภาษีคืน จากมาตรการ ‘ช้อปดีมีคืน’ นั้น ไม่ใช่การซื้อสินค้า หรือ บริการ 30,000 บาท แล้วจะได้คืนเต็มจำนวน 30,000 บาท แต่เงินภาษีจะได้คืนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเงินได้และอัตราภาษีที่แต่ละคนต้องจ่าย ดังนี้
หากช้อปปิ้งเต็มจำนวน 30,000 บาท จะมีสิทธิ์ได้คืนภาษี
- เงินได้สุทธิต่อปี 0-150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ได้สิทธิ์คืนภาษี
- เงินได้สุทธิต่อปี 150,001-300,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 5% มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 1,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 300,001-500,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 10% มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 3,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 500,001-750,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 15% มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 4,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 750,001-1,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 20% มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 6,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 1,000,001-2,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 25% มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 7,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 2,000,001-5,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 30% มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 9,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป อัตราภาษีเงินได้ 35% มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 10,500 บาท
ใครอยากลดหย่อนภาษีกับมาตรการช้อปดีมีคืน OfficeMate ชวนคุณมาร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจ เพียงช้อปสินค้ากับออฟฟิศเมท เราออกใบกำกับภาษีให้ทุกออเดอร์ในทุกช่องทาง!
- ช้อปหน้าร้าน : ขอใบกำกับภาษีกับพนักงาน เพียงบอกรายละเอียด ชื่อ-นามสกุล เลขทะเบียนผู้เสียภาษี และที่อยู่ในใบกำกับภาษี
- ช้อปออนไลน์ : คลิกเลือก ‘ขอใบกำกับภาษี’ พร้อมกรอกข้อมูลที่อยู่ ในขั้นตอนการจ่ายเงิน (Payment)
ดูเงื่อนไขเพิ่มเติม ที่ OfficeMate
บทความแนะนำ!