
ช่วงโรคระบาดแบบนี้เราจะเห็นว่าหลายๆ คนเริ่มหันมาทำธุรกิจเล็กๆ ที่บ้านควบคู่กันไปด้วย เพื่อหารายได้หลายๆ ทางซึ่งธุรกิจยอดฮิตก็คือ การทำเบเกอรี่ขายนั่นเอง ตอนเพิ่งเริ่มธุรกิจเตาอบที่บ้านก็อาจจะตอบโจทย์ แต่พอนานวันไปออเดอร์เยอะขึ้น เตาอบขนาดเล็กที่ใช้ในบ้านอาจไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมองหาเตาอบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเราเรียกว่า ‘เตาอบอุตสาหกรรม’ นั่นเอง แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อ เรามาทำความรู้จักเตาอบอุตสาหกรรมว่าแตกต่างจากเตาอบทั่วไปอย่างไร? และมีวิธีการเลือกซื้ออย่างไรบ้าง?
เตาอบอุตสาหกรรม คืออะไร? แตกต่างจากเตาอบทั่วไปอย่างไร?
เตาอบอุตสาหกรรม คือ เตาอบเบเกอรี่ขนาดใหญ่ มักจะใช้งานในร้านอาหาร ร้านทำขนม หรือโรงแรมที่จำเป็นจะต้องมีการอบขนมเค้ก ขนมปัง หรือทำเบเกอรี่ในปริมาณมาก ดังนั้นสิ่งแรกที่แตกต่างก็คือเรื่องของขนาดเตาอบอุตสาหกรรมซึ่งจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติ รวมถึงจำนวนถาดอบที่มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 ถาดไปจนถึง 12 ถาด ขึ้นอยู่กับยี่ห้อด้วย
วิธีเลือกซื้อเตาอบอุตสาหกรรม

สำหรับใครที่มีแพลนจะเปิดร้านขนมหรือทำขนมขาย และกำลังมองหาเตาอบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่ ก่อนจะตัดสินใจซื้อเรามาดูกันว่าจะมีวิธีเลือกซื้ออย่างไรบ้าง?
1. ขนาดของเตาอบอุตสาหกรรม
ขนาดของเตาอบมีทั้งหน่วยเป็นลิตรและเตาอบที่วัดขนาดตามจำนวนถาดที่สามารถอบได้ใน 1 ครั้ง โดยแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้นจำเป็นต้องดูความต้องการของเราก่อน ว่าต้องการขนาดเท่าไหร่ ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 1 ถาด ไปจนถึง 12 ถาด
2. ระบบของเตาอบอุตสหกรรม
- เตาอบไฟฟ้า : เนื่องจากเตาอบอุตสาหกรรมมีขนาดใหญ่ทำให้ต้องมีการใช้ไฟฟ้าในการทำงานปริมาณมากต่อครั้ง ซึ่งใครที่เพิ่มเริ่มทำธุรกิจในบ้านและต้องการใช้เตาอบอุตสาหกรรมประเภทนี้ อาจจะต้องมีการเดินสายไฟเพิ่ม หรือติดเบรกเกอร์แยกเฉพาะ ซึ่งจะทำให้เพิ่มงบประมาณ และค่อนข้างกินไฟ
- เตาอบแก๊สคุมไฟฟ้า : เป็นเตาอบอุตสาหกรรมที่ให้พลังงานความร้อนจากแก๊สเหมือนการทำกับข้าวในบ้าน แต่ฟีเจอร์ต่างๆ ของเครื่องจะใช้ไฟฟ้าในการควบคุม ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน ประหยัดไฟฟ้า และทำความร้อนได้ไว เหมาะแก่การนำไปทำธุรกิจมากกว่า
3. วัสดุที่ใช้ในการทำเตาอบอุตสาหกรรม
วัสดุที่นำมาทำเตาอบอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะมีทั้งแบบที่เป็นสังกะสี เหล็ก และอลูมิเนียม เราแนะนำให้เลือกแบบอลูมิเนียม เนื่องจากเป็นวัสดุที่เกิดรอยได้ยาก และเมื่อใช้งานไปนานๆ จะไม่ดูเก่า ส่วนเรื่องความแข็งแรง วัสดุทั้ง 3 มีความทนทานใกล้เคียงกัน
4. มีการติดตั้งไฟภายใน
สำหรับการติดตั้งไฟเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้อบขนมหรืออบเบเกอรี่ เพราะเมื่อเรานำสินค้าเข้าไปอบจะสามารถมองเห็นวัตถุดิบภายในได้ชัดเจน จะง่ายต่อการเช็กขนมว่าสุกพอดีแล้วหรือยัง

5. เตาอบอุตสาหกรรมแบบมีล้อ
เตาอบอุตสาหกรรมบางรุ่นจะเป็นแบบไม่มีล้อ ส่วนใหญ่จะเป็นเตาอบชั้นเดียว ซึ่งเหมาะกับการใช้งานอบขนมในปริมาณไม่เยอะมากนัก แต่สำหรับเตาอบอุตสาหกรรมบางรุ่นที่มีขนาดใหญ่หรือมากว่า 1 ชั้นซ้อนกัน ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับล้อเลื่อน เนื่องจากสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกหากต้องการปรับเปลี่ยนพื้นที่
6.เตาอบอุตสาหกรรมควรมีการติดตั้งฉนวนกันความร้อน
เนื่องจากเตาอบอุตสาหกรรมจำเป็นจะต้องใช้ไฟและความร้อนสูง การเลือกซื้อเตาอบจึงต้องดูแบบที่มีการติดตั้งฉนวนกันความร้อนมาให้แบบรอบด้าน ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันอันตรายขณะใช้งาน และส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนรั่วออกมา
7.ควบคุมไฟบนล่างแยกกัน
ในการนำเตาอบอุตสาหกรรมไปใช้งาน บางร้านจะนำไปใช้อบขนมหรืออาหารที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนเลือกซื้อเตาอบควรเลือกแบบที่มีระบบการควบคุมไฟและความร้อนแยกกัน เพื่อให้สามารถทำขนมและอาหารได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
8.ตั้งอุณหภูมิได้สูง
เช่นเดียวกับไฟบนล่าง เรื่องของอุณหภูมิสูงสุดที่เตาอบสามารถทำงานได้ก็จำเป็นต่อการอบขนมประเภทต่างๆ ยิ่งสามารถตั้งอุณหภูมิได้สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้อบขนมได้หลากหลายตามไปด้วย เช่น พาย แอแคร์ ขนมปัง ฯลฯ ก็สามารถทำได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีและสิ่งที่ต้องใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อเตาอบอุตสาหกรรม ทั้งเรื่องขนาด วัสดุ ชนิด ละฟีเจอร์ที่จำเป็นต่อการใช้งานต่างๆ แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เราตั้งเอาไว้ด้วย ว่าต้องการซื้อราคาประมาณเท่าไหร่ เพื่อจะได้ใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ โดยปกติแล้วเตาอบอุตสาหกรรมแบบ 1 ชั้น 2 ถาด ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาท ยิ่งความจุเยอะ ชั้นเยอะ ราคาก็จะยิ่งสูงตามขึ้นไปด้วย
เข้ามาช้อปเตาอบอุตสาหกรรม เตาอบเบเกอรี่ สำหรับเปิดร้านได้เลยในเว็บไซต์ OfficeMate ช้อปออนไลน์วันนี้ มีทั้งของแถมและส่วนลดพิเศษ พร้อมบริการส่งฟรีถึงที่* และรับประกันคืนสินค้านาน 30 วัน* (เงื่อนไขตามที่บริษัทกำหนด)
บทความแนะนำ