สำหรับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของ รัฐบาล อาจมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้หลาย ๆ อาจไม่เข้าเงื่อนไข แต่ถึงอย่างไร ยังมีโครงการที่น่าสนใจ และทดแทนโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตได้ นั่นก็คือ “โครงการ e-Refund” ซึ่งจะมีเงื่อนไขอย่างไร ใครจะมีสิทธิ์บ้าง และเริ่มร่วมโครงการได้เมื่อไร OfficeMate รวมไว้ให้แล้ว มาอ่านกัน

e-Refund คืออะไร

โครงการ e-Refund เป็นโครงการที่รัฐบาลไทยจัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน โดยให้สิทธิแก่ประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อสินค้าและบริการมูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท โดยใบกำกับภาษีที่นำมาลดหย่อนภาษีต้องเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) ที่ออกโดยร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี

เงื่อนไขของโครงการ e-Refund

  • เป็นผู้ที่มีรายได้เกิน 70,000 บาทต่อเดือน หรือมีเงินฝากเกิน 500,000 บาท
  • ซื้อสินค้าและบริการมูลค่ารวมไม่เกิน 50,000 บาท จากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี และเฉพาะที่ออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น
  • ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จะต้องออกให้ภายในปีภาษี 2567

e-Refund มีวิธีการขอคืนภาษีอย่างไร

  1. รวบรวมใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกให้ภายในปีภาษี 2567 เข้าด้วยกัน
  2. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 ในแต่ละปี
  3. ระบุรายการใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการนำไปลดหย่อนภาษี
  4. ภาษีที่ลดลงจากการหักลดหย่อนภาษีผ่านโครงการ e-Refund จะปรากฏในใบเสร็จรับเงินค่าภาษีที่ออกให้เมื่อชำระภาษี

ตัวอย่างการคำนวณภาษีที่ลดลงจากการหักลดหย่อนภาษีผ่านโครงการ e-Refund

สมมติว่า นายสมชายมีรายได้สุทธิ 100,000 บาทต่อปี และซื้อสินค้าและบริการมูลค่ารวม 50,000 บาท จากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี และเฉพาะที่ออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น

ภาษีที่ต้องชำระตามปกติคือ 100,000 x 0.07 = 7,000 บาท

ภาษีที่ลดลงจากการหักลดหย่อนภาษีผ่านโครงการ e-Refund คือ 50,000 x 0.03 = 1,500 บาท

ดังนั้น ภาษีที่ต้องชำระจริงจึงเหลือ 7,000 – 1,500 = 5,500 บาท

e-Refund คืนภาษี เริ่มใช้เมื่อไร

โครงการ e-Refund จะเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ควรติดตามเงื่อนไข รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง