สำหรับธุรกิจที่ได้เริ่มต้นดำเนินกิจการ เมื่อถึงจุดที่ธุรกิจเป็นรูปเป็นร่างก้าวหน้าและเติบโตขึ้น ผู้ประกอบการก็ย่อมจะมุ่งหวังให้ธุรกิจของตนขยับขยาย พร้อมกับความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ เมื่อถึงเวลานั้น การจดทะเบียนบริษัทคงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดและตอบโจทย์มากที่สุดนั่นเอง คำถามที่ตามมาคือ แล้วธุรกิจของเราควรจดทะเบียนบริษัทแบบไหนดี? ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนบริษัทแบบ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.)” หรือ “บริษัทจำกัด (บจก.)” แบบไหนที่ตรงกับตัวเราและธุรกิจของเรามากที่สุด? แต่ก่อนที่เราจะมาพิจารณาว่าเราจะจดทะเบียนบริษัทให้กับธุรกิจของเราในรูปแบบใด เราคงต้องทราบถึงข้อมูลของการจดทะเบียนบริษัททั้งสองรูปแบบ เพื่อนำไปพิจารณาเปรียบเทียบการตัดสินใจกันก่อนดีกว่านะครับ

การจดทะเบียนบริษัทแบบห้างหุ้นส่วนจำกัดและการจดทะเบียนแบบบริษัทจำกัด มีข้อเหมือนและข้อแตกต่างกันอยู่หลายองค์ประกอบ ซึ่งหากจะให้กล่าวลงในรายละเอียดว่าการจดทะเบียนบริษัททั้งสองชนิดนั้นมีความมีความเหมือนหรือว่าแตกต่างกันอย่างไรก็คงต้องลงรายละเอียดไปตามหัวข้อต่าง ๆ ได้ดังนี้ครับ

 

ความน่าเชื่อถือระหว่างการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดบริษัทจำกัด

ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนบริษัทในรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือในรูปแบบบริษัทจำกัด ข้อดีที่เราเห็นได้ชัดก็คือ ผู้ประกอบการสามารถทำให้การดำเนินธุรกิจของเราจะมีความก้าวหน้ามากขึ้น เพราะการจดทะเบียนบริษัททำให้เกิดความน่าเชื่อถือต่อลูกค้าและแหล่งเงินทุน สามารถรับงานที่ใหญ่ขึ้น ลูกค้ารายใหญ่ๆ และเพิ่มช่องทางให้กับธุรกิจในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน อีกทั้งยังทำให้มีผลต่อเรื่องของการเสียภาษีที่มีความแตกต่างจากการเป็นบุคคลธรรมดา การสนับสนุนต่างๆ จากภาครัฐ และเป็นการดำเนินธุรกิจที่ถูกกฎหมายโปร่งใสอย่างแท้จริง มีกฎกติกาที่ชัดเจนในเรื่องความรับผิดชอบและบทบาทของผู้ร่วมหุ้นแต่ละบุคคล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดูเหมือนว่าการจดทะเบียนบริษัทแบบบริษัทจำกัด จะมีความน่าเชื่อถือ และมั่นคงมากกว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด เนื่องจากมีบุคคลที่ร่วมรับผิดชอบมากกว่าตามจำนวนของหุ้นและผู้ถือหุ้นนั่นเอง

 

จำนวนผู้เริ่มจดจัดตั้งทะเบียนบริษัท

ในการจดทะเบียนบริษัทแบบบริษัทจำกัดและแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด จำนวนของผู้เริ่มจดจัดตั้งไม่เท่ากัน ตามกฎหมายได้มีการกำหนดเอาไว้แตกต่างกันคือ สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัดจะต้องมีอย่างน้อย  2 คนขึ้นไป ในขั้นต่ำ 2 คนนี้ จะต้องมีทั้ง 2 จำพวก คือหุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิดชอบ และหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิดชอบ ในส่วนของการจดทะเบียนแบบบริษัทจำกัดจะต้องมีผู้เริ่มจดทะเบียนจัดตั้ง 3 คนขึ้นไป

ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัท

ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนบริษัท

ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนบริษัทแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด จะน้อยกว่าค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนบริษัทแบบบริษัทจำกัด ยกตัวอย่างเช่น จดทะเบียนบริษัทแบบบริษัทจำกัดด้วยเงินทุน 1 ล้านบาท จะเสียค่าธรรมเนียม 5,000 บาท ในขณะที่จดทะเบียนบริษัทแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด ด้วยเงินทุน 1 ล้านบาท เสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท

 

สิ่งที่นำมาลงหุ้นในการจดทะเบียนบริษัท

สิ่งที่นำมาลงหุ้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราสามารถนำมาวิเคราะห์ว่าธุรกิจของเราตอนนี้ ควรจดทะเบียนบริษัทไปในรูปแบบใด สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัด สามารถลงหุ้นได้ด้วย 3 สิ่งคือ เงิน ทรัพย์สิน และแรงงาน แต่แรงงานจะเป็นข้อยกเว้นให้สำหรับผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดชอบเท่านั้น แต่จะต้องถูกตีเป็นเงิน และกำหนดระยะเวลาการจ่าย ส่วนการจดทะเบียนบริษัทแบบบริษัทจำกัด เงินลงทุนจะถูกแบ่งเป็นหุ้น หุ้นละเท่าๆ กัน อย่างน้อยหุ้นละ 5 บาทขึ้นไป ผู้เป็นหุ้นส่วนสามารถลงหุ้นได้ด้วยเงินตามจำนวนหุ้นที่ตนเองถือ

 

ความรับผิดชอบต่อหนี้สิน

การจดทะเบียนบริษัทแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด จะต้องมีหุ้นส่วน 2 ประเภท คือ หุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิดชอบ และหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิดชอบ เมื่อเกิดปัญหากับธุรกิจ หรือหนี้สิน หุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิดชอบ จะรับผิดชอบหนี้ไม่เกินสัดส่วนหุ้นที่ตัวเองลงไว้ แต่หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดชอบ จะต้องรับผิดชอบปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นแม้จะเกินจากหุ้นที่ลงไป แตกต่างจากการจดทะเบียนบริษัทแบบบริษัทจำกัด เนื่องจากบริษัทจำกัดจะแบ่งความรับผิดชอบตามจำนวนหุ้นที่ตนเองถืออยู่ในบริษัทเท่านั้น ซึ่งแต่ละหุ้นจะมีจำนวนเท่าๆ กัน และทรัพย์สินของบริษัทจะถูกแบ่งออกจากทรัพย์สินส่วนตัวอย่างชัดเจน ทำให้ความรับผิดชอบต่อหนี้สินจะไม่ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินส่วนตัวนั่นเอง

 

ความแตกต่างเรื่องการบริหารและตัดสินใจ

สำหรับการจดทะเบียนบริษัทแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด หุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิดชอบจะไม่มีอำนาจในการบริหารงานใดๆ และจะมีหนึ่งคนจากกลุ่มหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดชอบ ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ซึ่งมีอำนาจและสามารถตัดสินใจแทนหุ้นส่วนคนอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องประชุม ในทางกลับกัน การจดทะเบียนบริษัทแบบบริษัทจำกัด จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการ การจะกระทำการใดๆ จะต้องมีการประชุมและความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่อยู่ในที่ประชุมแล้วเท่านั้น

 

การแบ่งผลกำไรของบริษัท

ในส่วนของผลกำไร สำหรับการจดทะเบียนบริษัทแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด หากไม่ได้มีการตกลงเรื่องสัดส่วนกำไรไว้แต่ต้นตอนจดจัดตั้ง ให้ทำการแบ่งกำไรตามอัตราส่วนของเงินลงทุนของหุ้นส่วนแต่ละคน โดยมีหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นคนดำเนินงาน ส่วนสำหรับการจดทะเบียนบริษัทแบบบริษัทจำกัดจะต้องแบ่งผลกำไรตามจำนวนหุ้นที่แต่ละหุ้นส่วนถือ

การจ่ายภาษีนิติบุคคล

การเสียภาษีเงินได้และรายงานทางบัญชี

การจดทะเบียนบริษัททั้งแบบห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัดมีสิ่งที่เหมือนๆ กันได้ คือการเสียภาษีเงินได้ที่คิดตามจริงและมีการคิดในอัตราที่เท่ากันทั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัดถือตามอัตราก้าวหน้า 15%-30% และจำเป็นต้องส่งรายงานบัญชีให้กับกรมสรรพากรอีกด้วย

ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดทั้งความเหมือนและความแตกต่างของการจดทะเบียนบริษัทระหว่างรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด และแบบบริษัทจำกัด ซึ่งผู้ดำเนินธุรกิจหรือผู้ประกอบการท่านใดที่กำลังต้องการจดทะเบียนบริษัท สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาว่าธุรกิจของเราเหมาะกับการจดทะเบียนบริษัทในรูปแบบใดจึงจะคล่องตัวและให้ประโยชน์มากกว่ากัน แต่ไม่ว่าจะจดทะเบียนบริษัทแบบใด ย่อมเป็นการเตรียมพร้อมรองรับความก้าวหน้าของธุรกิจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเรื่องความน่าเชื่อถือจากคู่ค้าหรือจากลูกค้า และความน่าเชื่อถือเมื่อต้องมองหาแหล่งเงินทุนอีกด้วยนะครับ