ในโลกของการซื้อขายสินค้าอาจจะมีองค์ประกอบคร่าว ๆ เพียงแค่ แบรนด์ สินค้า และผู้บริโภค แต่ในโลกของธุรกิจจริง ๆ กลับมีความซับซ้อนและข้อมูลมากมาย รวมไปถึงคู่แข่งในแต่ละตลาด ดังนั้นผู้ที่เข้าใจตลาดก่อน ย่อมเดินนำไปก่อนหนึ่งก้าวเสมอ ทำให้ในบทความนี้เราจะมาส่องเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค 2023 ซึ่งเป็นคำภีร์พื้นฐานที่สำคัญสำหรับแบรนด์ ในการพาสินค้าและบริการของตนเอง กระโดดเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค ไปดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง

Consumer Insight คืออะไร

Consumer Insight คือ ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้าของธุรกิจและองค์กร โดย Consumer Insight สามารถนำไปใช้เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้แบรนด์หรือบริษัทผู้ผลิตเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร และสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้พัฒนาต่อยอดสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น

ทำไมแบรนด์ต้องเข้าใจ Consumer Insight

ข้อมูลของ Consumer Insight จะประกอบไปด้วย ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มลูกค้าในตลาด ประสิทธิภาพของสินค้าและบริการของแบรนด์ รวมถึงพฤตกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค ดังนั้นเมื่อแบรนด์รู้ Consumer Insight ของตัวเอง ทำให้สามารถนำไปใช้วางกลยุทธ์ในการขายสินค้า คาดการณ์การขายสินค้านั้น ๆ หรือพัฒนาสินค้าเพื่อเสิร์ฟให้ตรงความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้สามารถช่วยเพิ่มผลประกอบการให้กับธุรกิจได้ 

ส่องเทรนด์ Customer Insight 2023 

จากข้อมูลของเว็บไซต์ Teamwork Commerce มีการระบุถึงเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค 2023 สำหรับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยประกอบไปด้วย 7 ข้อ ดังนี้ 

การใช้หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ

มีการคาดการณ์ว่าพฤติกรรมผู้บริโภค 2023 มีแนวโน้มที่จะใช้หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติในการช่วยตัดสินใจซื้อสินค้าต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น อย่างที่เราเห็นว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การช้อปปิ้งสินค้าเปลี่ยนผ่านไปอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้นอย่างรวดเร็ว 

เนื่องจากผู้บริโภคต่างมองหาความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า ทำให้ช่องทางการซื้อสินค้าออนไลน์ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี แต่พฤติกรรมผู้บริโภค 2023 ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการตัดสินใจซื้อมากกว่าเดิม ทำให้มีการมองหาระบบอัตโนมัติที่ทำให้การช้อปปิ้งเหนือขึ้นไปอีกขั้น เพราะระบบต่าง ๆ เหล่านี้สามารถคัดเลือกสินค้าตามพฤติกรรมและความต้องการรายบุคคลได้ รวมถึงสามารถเปรียบเทียบสินค้าต่าง ๆ เพื่อให้ได้สินค้าที่ดีที่สุดและตรงกับความต้องการภายในพริบตาเดียว 

การสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล

การสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล หรือ Personalized Experiences เป็นเทรนด์การตลาดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในฝั่งของแบรนด์ รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภค 2023 เองก็มีการมองหาผู้ให้บริการที่มี Personalized Experiences มากยิ่งขึ้น 

ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีการก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ทำให้แบรนด์สามารถนำเลือกที่จะนำมาปรับใช้เพื่อสร้าง Personalized Experiences ให้กับลูกค้าของตนเองได้ เช่น การนำเทคโนโลยี Virtual Reality หรือ VR มาใช้เพื่อสร้างของลองเสื้อผ้าจำลอง ทำให้ลูกค้าสามารถลองใส่เสื้อผ้าตามไซซ์และขนาดจริงของจนเองได้ แม้จะเป็นการช้อปปิ้งออนไลน์ก็ตาม

นอกจากนี้การสร้าง Personalized Experiences ที่เห็นบ่อยมากที่สุดคือ การเก็บข้อมูลลูกค้ารายบุคคล ทั้งประวัติการซื้อสินค้า ประวัติการเข้าหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ และนำมาประมวลผลเพื่อสร้าง Recommendation หรือสินค้าแนะนำแบบตรงความต้องการรายบุคคล ทำให้เกิดโอกาสในการซื้อสินค้าได้มากขึ้น 

การช้อปปิ้งออนไลน์ยังคงเติบโตต่อเนื่อง

แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเทรนด์เก่า แต่การช้อปออนไลน์ก็ยังเป็นเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค 2023 ที่น่าสนใจ เพราะธุรกิจด้าน e-Commerce ยังสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีทั้งธุรกิจใหม่ ๆ ที่เข้ามาเพิ่ม รวมถึงลูกค้ารายใหม่ก็มีเพิ่มขึ้น 

สำหรับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ แม้ว่าจะมีมานานเป็นสิบปีแล้วก็ตาม แต่จุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญเกิดขึ้นในช่วงที่ทั้งโลกตกอยู่ภายใต้วิกฤตโรคระบาดโควิด 19 ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ปัจจุบันมีสินค้าออนไลน์แทบจะครบครันให้ได้เลือก ทั้งของใช้ในชีวิตประจำวัน จนไปถึงสินค้าชิ้นใหญ่อย่างรถยนต์

การจ่ายเงินผ่านระบบดิจิทัล

การจ่ายเงินผ่านระบบดิจิทัลหรือที่เรียกว่า สังคมไร้เงินสด ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันทิศทางพฤติกรรมผู้บริโภค จากเดิมที่มีการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยเงินสด บัตรเครดิต หรือเช็ค ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถชำระค่าใช้จ่ายด้วยสมาร์ตโฟนเพียงเครื่องเดียว นอกจากนี้การเปลี่ยนมาใช้ระบบชำระเงินดิจิทัล ยังทำให้ลูกค้าได้รับส่วนลดและโปรโมชันที่เหมาะกับการใช้จ่ายของตัวเองมากยิ่งขึ้น แถมยังเป็นปัจจัยกระตุ้นให้พฤติกรรมผู้บริโภค 2023 เติบโตไปในทิศทางของการช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นอีกด้วย

การใส่ในและมีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม

ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค 2023 ที่มาแรงอีกเช่นกัน เพราะปัจจุบันไม่เพียงแค่ความสะดวกสบาย และรวดเร็วในการเข้าถึงสินค้าและบริการ เหล่าผู้บริโภคยังให้ความสนใจและคำนึงถึงผลเสียด้านสิ่งแวดล้อมที่มาจากการช้อปปิ้งของตนเอง ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในปีนี้เน้นมองหาแนวทางหรือแบรนด์ที่ใส่ใจในเรื่องน้ด้วยเช่นกัน 

ดังนั้นแบรนด์ไหนที่เข้าใจเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อม และนำมาปรับใช้กับสินค้าหรือบริการ สามารถดึงดูดความสนใจและความไว้วางใจจากลูกค้าได้มากขึ้น แสดงให้เห็นว่าแบรนด์หรือองค์กรมีการใส่ในในคุณภาพของสิ่งแวดล้อมมากการปริมาณของสินค้าที่ขายได้ ซึ่งสิ่งที่แบรนด์สามารถเริ่มปรับใช้ได้ เช่น การเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ หรือการพัฒนากระบวนการต่าง ๆ ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ฯลฯ

ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคยิ่งขึ้น

จากข้อมูลการศึกษาของ Mintel 2023 Global Consumer Trends ระบุว่า แบรนด์ต้องให้ความสำคัญกับ C ตัวใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งย่อมาจาก “Consumer” เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภค 2023 มีแนวโน้มที่จะต้องการเป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์มากขึ้น ดังนั้นนอกเหนือไปจากคำพูดที่ว่า “ลูกค้าถูกเสมอแล้ว” ปัจจุบันการตอบสนองความต้องการของลูกค้า กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยให้มองว่า ลูกค้ากำลังร่วมลงทุน ร่วมสร้างสรรค์ และร่วมลงคะแนนเสี่ยงเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทิศทางของแบรนด์ไปพร้อม ๆ กับองค์กรนั่นเอง 

จากแนวคิดดังกล่าว ทางแบรนด์หรือองค์กรสามารถเริ่มปรับใช้ได้ โดยการเปลี่ยนมุมมองในการขายสินค้า และเริ่มเป็นผู้สังเกตการณ์รวมถึงรับฟังจากลูกค้ามากขึ้น พร้อมให้ความใส่ใจกับการพัฒนานวัตดกรรมต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค 

เหตุผลที่ทำให้เกิดเทรนด์นี้ขึ้นมา เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคต่างคาดหวังและมีความต้องการที่จะควบคุมการจับจ่ายใช้สอยของตัวเองได้มากขึ้นในหลากหลายมิติ ทั้งการมีทางเลือกในการชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการเข้าถึงสินค้าต่าง ๆ มากขึ้น 

ให้ความสำคัญกับตัวตนมากขึ้น

ในภาษาอังกฤษเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค 2023 นี้เรียกว่า Me Mentality เกิดจากการที่ในปีก่อน ๆ ผู้บริโภคต่างต้องให้ความสนใจและมีส่วนร่วมกับส่วนรวมในการป้องกันโรคระบาด ทำให้ในปีนี้เกิดเทรนด์ที่ผู้คนต่างเริ่มหันกลับมาสนใจและใส่ใจสิ่งที่ตัวเองต้องการจริง ๆ มากยิ่งขึ้น ดังนั้นสิ่งที่แบรนด์ทำได้คือ นำเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ สินค้าใหม่ ๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลแทนการใส่ใจเฉพาะเรื่องส่วนรวมแบบที่ผ่าน ๆ มา 

จากเทรนด์นี้จะเห็นได้ว่า กลุ่มผู้บริโภคต้องการที่จะสร้างตัวตนและหันกลับมาสนใจตัวเองมากขึ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนและอย่างไร ทำให้จุดนี้ถือเป็นช่องว่าที่แบรนด์สามารถตอบสนองได้ เห็นได้ชัดจากเทรนด์การเริ่มใช้งาน Metaverse ของผู้บริโภคบางกลุ่ม เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ต้องการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ของตนเอง โดยแยกออกจากตัวตนในโลกจริงอย่างสิ้นเชิง รวมถึงการเกิดประเด็นทางสังคมเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและ Digital Footprint หรือร่องรอยแห่งโลกดิจิทัล ที่ส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนไหวของกระแส Metaverse มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ถือเป็นอีกโจทย์ที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ ในการเริ่มต้นตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2023 นี้

จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภค 2023 ถือเป็น Customer Insight ที่สำคัญ ส่วนใหญ่ต่างได้รับผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์โรคระบาดโควิด 19 รวมไปถึงการพัฒนาของเทคโนโลยีและการเข้าถึงทางเลือกต่าง ๆ มากขึ้นของผู้บริโภค ดังนั้นโจทย์ที่ท้าทายของแบรนด์และคนทำธุรกิจ คือการหาช่องว่างในความต้องการของผู้บริโภคยุคนี้ พร้อมทั้งตอบคำถามให้ได้ว่า สินค้าและบริการของตนเองช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร