หลายคนมีความคิดว่าอยากจะเปิดร้านกาแฟ เพียงเพราะชอบดื่มกาแฟ แต่รู้หรือไม่ ว่าเจ้าของร้านกาแฟ ที่มีความรู้เรื่องกาแฟ ตั้งแต่เมล็ดกาแฟ การคั่วเมล็ดกาแฟ เครื่องชงกาแฟ ความแตกต่างของรสชาติ ฯลฯ แล้วสามารถตอบคำถามลูกค้า และเล่าเรื่องราวของกาแฟแต่ละแก้วได้ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นถึงความหลงใหล ซึ่งจะเพิ่มเสน่ห์ให้ร้านกาแฟของคุณได้เป็นอย่างดี
วันนี้ OfficeMate จึงรวบรวมเรื่องที่ควรรู้ หากอยากเป็นเจ้าของร้านกาแฟ รับรองว่าอ่านจบแล้ว เตรียมเปิดร้านกาแฟได้เลย!
อยากเปิดร้านกาแฟ ต้องรู้จัก ‘เมล็ดกาแฟ’
เมล็ดกาแฟ หัวใจสำคัญที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับร้านกาแฟของคุณได้ กลิ่นหอมๆ ของเมล็ดกาแฟคุณภาพ ที่อบอวลไปทั่วทั้งร้าน ยังเป็นตัวช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดี แต่การจะเลือกเมล็ดกาแฟมาใช้ คุณจำเป็นต้องรู้จักตั้งแต่เมล็ดกาแฟสด เมล็ดกาแฟคั่ว และเมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดพร้อมชง เพราะเมล็ดกาแฟที่แตกต่างกันเหล่านี้ จะให้กลิ่นและรสชาติที่ต่างกันออกไปนั่นเอง
เมล็ดกาแฟสด
เมล็ดกาแฟสดที่นิยมใช้ มีอยู่ 2 สายพันธุ์ ได้แก่
- เมล็ดกาแฟอราบิก้า (Arabica) เมล็ดกาแฟรูปทรงเรียว ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 เมื่อผ่านการคั่วจะให้ความหอม รสชาติกลมกล่อม และนุ่มนวล มีความเข้มข้น และมีปริมาณคาเฟอีนต่ำ ซึ่งหากอยากได้เมล็ดกาแฟอราบิก้าคุณภาพดี แนะนำให้เลือกเมล็ดกาแฟอราบิก้าที่ปลูกบนที่สูง และอากาศเย็น อย่างแถบภาคเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ หรือลำปาง
- เมล็ดกาแฟโรบัสต้า (Robusta) เมล็ดกาแฟอวบอ้วน มีเส้นตรงแบ่งครึ่งกึ่งกลางเมล็ด เมื่อผ่านการคั่วจะมีกลิ่นค่อนข้างฉุน ให้รสชาติเข้มข้น ขม และมีปริมาณคาเฟอีนมากกว่าเมล็ดกาแฟอราบิก้า แต่เมล็ดกาแฟโรบัสต้านั่น มักนิยมใช้ทำเป็นกาแฟซอง หรือกาแฟสำเร็จรูปมากกว่าใช้ชงเครื่องดื่มในร้านกาแฟสด
เมล็ดกาแฟคั่ว
การคั่วเมล็ดกาแฟมีผลโดยตรงกับรสชาติ และความหอมของกาแฟ เพราะตามปกติเมล็ดกาแฟสดจะไม่มีกลิ่นหรือรสชาติใดๆ ทั้งสิ้น หากอยากให้กาแฟของคุณ มีรสชาติ และความหอมแตกต่างจากกาแฟร้านอื่นๆ ก็ต้องเลือกระดับการคั่วให้ถูกต้อง
- เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน (Light Roast/Cinnamon roast) เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วระดับอ่อน จะมีสีน้ำตาลอ่อน ผิวเมล็ดแห้ง เป็นระดับการคั่วที่ยังคงคุณสมบัติดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟเอาไว้ได้มากที่สุด ให้รสชาติออกเปรี้ยว สดชื่น และฝาด คล้ายผลไม้ เหมาะสำหรับทำกาแฟร้อน อย่างเมนู Espresso และ Americano
- เมล็ดกาแฟคั่วกลาง (Medium Roast/American) เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วระดับกลาง จะมีสีน้ำตาลเข้ม ผิวเมล็ดแห้ง ให้รสชาติออกเปรี้ยวเล็กน้อย มีความขม และหวานมากขึ้น ทั้งยังให้รสสัมผัสที่นุ่มนวลกลมกล่อม สามารถใช้ทำได้ทั้งกาแฟร้อนและกาแฟเย็น
- เมล็ดกาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast/Vienna roast) เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วระดับเข้ม จะมีสีน้ำตาลเข้ม ค่อนไปทางดำ มีน้ำมันเคลือบอยู่บนผิวของเมล็ดกาแฟ ให้รสชาติขมปนหวาน และมีกลิ่นไหม้ของเมล็ด ปราศจากความเปรี้ยว และกลิ่นฉุน เหมาะสำหรับทำการแฟเย็นที่ต้องการรสชาติเข้มข้น อย่างเมนูเอสเพรสโซเย็น
เมล็ดกาแฟบด
ผ่านจากการคั่ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อรสชาติ และกลิ่นของเมนูกาแฟ ก็คือกรรมวิธีการบดเมล็ดกาแฟ เพราะความละเอียดของเมล็ดกาแฟที่บดได้ จะส่งผลในกระบวนการชงกาแฟ เช่น
- เมล็ดกาแฟบดละเอียด เหมาะสำหรับการชงด้วยเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ
- เมล็ดกาแฟบดกลาง-บดหยาบ เหมาะสำหรับการชงด้วยเครื่องชงกาแฟดริบ
- เมล็ดกาแฟบดหยาบ เหมาะสำหรับการชงด้วยเครื่องชงกาแฟ French Press
ดังนั้น ก่อนเลือกเมล็ดกาแฟบดมาใช้ ให้พิจารณาจากเครื่องชงกาแฟเป็นหลัก หรือร้านกาแฟที่ต้องการบดเมล็ดกาแฟเอง แนะนำให้เลือกเครื่องบดเมล็ดกาแฟไฟฟ้า ที่สามารถปรับความละเอียดของการบดได้หลายระดับ เพื่อรองรับเมนูกาแฟ และเครื่องชงกาแฟที่หลากหลาย
อยากเปิดร้านกาแฟ ต้องรู้จัก ‘เครื่องชงกาแฟ’
ถัดจากเมล็ดกาแฟ ก็มาต่อกันที่ ‘เครื่องชงกาแฟ’ หัวใจสำคัญอันดับที่ 2 ไปดูกันว่า เครื่องชงกาแฟที่เหมาะสำหรับใช้ในร้านกาแฟมีกี่แบบ และมีอะไรบ้าง?
เครื่องชงกาแฟดริบ (Drip Coffee)
เครื่องชงกาแฟแบบดริป ประกอบไปด้วย เหยือกแก้ว และกระดาษกรอง ใช้วิธีการชงโดย ใส่เมล็ดกาแฟบดบนกระดาษกรอง แล้วเทน้ำร้อนให้ไหลผ่านเมล็ดกาแฟและกระดาษกรอง ได้เป็นเครื่องดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่อยู่ภายในเหยือกแก้วด้านล่าง เป็นกาแฟรสชาติอ่อน ไม่เข้มข้น และต้องใช้เวลาในการทำพอสมควร เหมาะกับร้านกาแฟสไตล์ฮิปสเตอร์ หรือที่เห็นกันบ่อยๆ ในช่วงนี้ คือร้านกาแฟสไตล์แคมป์ ที่ใช้การชงกาแฟดริบไปพร้อมๆ กับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกยามเย็น
Tips : เครื่องชงกาแฟแบบดริบ เหมาะสำหรับใช้กับเมล็ดกาแฟบดกลาง-หยาบ ผ่านการคั่วระดับอ่อน-กลาง
เครื่องชงกาแฟแบบกด (French Coffee Press)
เครื่องชงกาแฟ แบบกด ประกอบไปด้วยเหยือกแก้วที่มีก้านสำหรับกดเมล็ดกาแฟบด ใช้วิธีการเทน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟ แล้วแช่ทิ้งไว้ราวๆ 4 นาที จากนั้นจะใช้ก้านกดค่อยๆ กดอย่างช้าๆ ได้เป็นกาแฟรสชาติเข้มข้น หอมละมุน ซึ่งเครื่องชงกาแฟ แบบกด เป็นเครื่องชงกาแฟที่ใช้เวลาในการชงพอสมควร เหมาะสำหรับร้านกาแฟที่ตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศส โกธิค หรือร้านกาแฟชิคๆ เป็นต้น
Tips : เครื่องชงกาแฟแบบกด เหมาะสำหรับใช้กับเมล็ดกาแฟบดหยาบ ผ่านการคั่วระดับกลาง-เข้ม
เครื่องชงกาแฟแบบไซฟอน (Syphon Coffee Maker)
เครื่องชงกาแฟแบบไซฟอน หรือแบบสูญญากาศ มีลักษณะคล้ายหลอดทดลองในห้องแล็ปวิทยาศาสตร์ ประกอบไปด้วยหลอดแก้ว 2 หลอด คือหลอดแก้วด้านบนสำหรับใส่เมล็ดกาแฟบด และหลอดแก้วด้านล่างสำหรับใส่น้ำร้อน ชงโดยจุดไฟตะเกียงใต้หลอดแก้วที่ใส่น้ำร้อน รอจนน้ำเดือด น้ำจะไหลย้อนผ่านกาลักน้ำขึ้นไปยังหลอดแก้วที่ใส่เมล็ดกาแฟ และทำปฏิกิริยากัน จนได้เป็นกาแฟรสชาติเข้มข้น และมีกลิ่นหอม ถือเป็นเครื่องชงกาแฟที่มีเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับร้านกาแฟสไตล์คลาสสิค หรือการตกแต่งสไตล์ห้องแล็ปวิทยาศาตร์ หรือตั้งไว้บริเวณเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าสามารถเห็นขั้นตอนต่างๆ ได้ ช่วยเพิ่มกิมมิคที่น่าสนใจได้ดี
Tips : เครื่องชงกาแฟแบบไซฟอน เหมาะสำหรับใช้กับเมล็ดกาแฟคั่วกลาง
เครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ (Espresso Coffee Machine)
เครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ หรือเครื่องชงกาแฟสด เป็นเครื่องชงกาแฟยอดนิยม ที่พบเห็นได้ทั่วไป มีให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติ และแบบแมนนวล มีทั้งเครื่องชงกาแฟ espresso ขนาดเล็กเเละขนาดใหญ่ ให้กาแฟรสชาติเข้มข้น นุ่มนวล เครื่องชงกาแฟ espressoทำได้หลากหลายเมนู และสามารถทำกาแฟได้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ถือเป็นเครื่องชงกาแฟที่ควรมีติดร้านกาแฟ
Tips : เครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ เหมาะสำหรับใช้กับเมล็ดกาแฟบดละเอียด ผ่านการคั่วระดับกลาง-เข้ม
เครื่องชงกาแฟสกัดเย็น (Cold brew)
กาแฟสกัดเย็น หรือ Cold Brew อีกหนึ่งเมนูกาแฟยอดนิยมในปัจจุบัน กาแฟสกัดเย็นนี้จะใช้น้ำเย็นในการชง ซึ่งจะทำให้กาแฟมีรสชาตินุ่มนวลกว่ากาแฟที่ชงด้วยน้ำร้อน แต่ยังคงความเข้มข้นและกลิ่นหอมของกาแฟเอาไว้เช่นเดิม ซึ่งเหมาะสำหรับทำเป็นเมนูกาแฟดำ หรือจะนำไปมิกซ์กับน้ำผลไม้อื่นๆ ได้เป็นเมนูพิเศษสุดสร้างสรรค์
กรรมวิธีการสกัดเย็นตามปกติแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 16 – 24 ชั่วโมง หากอยากเปิดคาเฟ่หรือร้านกาแฟที่มีเมนูกาแฟสกัดเย็น ก็อาจต้องเตรียมกาแฟสกัดเย็นเอาไว้ล่วงหน้า หรือเลือกใช้เครื่องชงกาแฟสกัดเย็นที่ช่วยทุ่นเวลาได้ เพื่อไม่ให้ลูกค้าต้องรอนานนะคะ
Tips : เครื่องชงกาแฟสกัดเย็น เหมาะสำหรับใช้กับเมล็ดกาแฟแบบบดหยาบ
การเลือกเครื่องชงกาแฟนั่นสามารถเลือกได้ตามความถนัดของเจ้าของ หรือเลือกให้เหมาะกับสไตล์ร้านกาแฟของคุณ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราแนะนำให้มีเครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซติดร้านเอาไว้ แล้วอาจเลือกเครื่องชงกาแฟประเภทอื่นๆ เสริมมาเป็นกิมมิค เช่น เครื่องชงกาแฟ amazon หรือใช้สำหรับทำกาแฟเมนูพิเศษ จะช่วยให้ร้านกาแฟสามารถเสิร์ฟเครื่องดื่มและรับลูกค้าได้มากขึ้นกว่าการมีเครื่องชงกาแฟประเภทเดียว
นอกจากนั้น อย่าลืมให้ความสำคัญกับดีไซน์ของเครื่องชงกาแฟ เพราะเครื่องชงกาแฟที่ดูดี หรือมีดีไซน์สวยแปลกตา จะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้า ทั้งยังสามารถใช้เป็นแลนด์มาร์กของร้านให้สายอินสตาแกรมมาถ่ายรูปชิคๆ ช่วยโปรโมทร้านกาแฟไปในตัว!
ได้รับข้อมูลกันไปแบบเต็มอิ่ม ก่อนเปิดร้านกาแฟก็อย่าลืมศึกษากันให้ละเอียด เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้ร้านกาแฟของคุณนะคะ
สำหรับใครที่กำลังอยากเปิดร้านกาแฟ หรือคาเฟ่ แต่ยังมีของไม่ครบ หรือไม่แน่ใจว่าต้องเตรียมเครื่องไม้เครื่องอะไรบ้าง สามารถเข้ามาเช็กลิสต์ไอเทมต้องมี ได้ที่ ‘เช็กลิสต์อุปกรณ์ร้านกาแฟ อยากเปิดร้านใหม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง?’ และถ้าเช็กแล้วยังมีของไม่ครบลิสต์ เข้ามาช้อปได้เลยที่ OfficeMate เรามีอุปกรณ์ครบครันสำหรับคาเฟ่ และร้านกาแฟ พร้อมให้คุณช้อปได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ และบริการส่งฟรีถึงที่เมื่อช้อปครบ 499 แถมด้วยเครดิตเทอมยาวนานสูงสุด 30 วัน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหมวดครัวเเละเครื่องใช้ได้เพียงเเค่ คลิกที่นี่!
🔥 ดีลสุดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่! 🔥
🛍️ ซื้อครบ 999.- ใส่โค้ด “NEW10” รับส่วนลด 10% (สูงสุด 1,000 บาท)
🎯 ยิ่งช้อป ยิ่งลด! อย่าพลาดดีลสุดคุ้มวันนี้!
📌 ช้อปเลย 👉 www.ofm.co.th
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ไอเดีย ของขวัญปีใหม่เพื่อสุขภาพ เริ่มต้นปีด้วยสุขภาพที่ดี!
- 10 เมนูดับร้อน อร่อยง่าย ได้ประโยชน์
- เช็กลิสต์อุปกรณ์ร้านกาแฟ อยากเปิดร้านใหม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
ขอบคุณข้อมูลจาก : makrohorecaacademy / amapangkhon.coffee / koffeetools