Site icon OFM Blog

เช็กก่อนซื้อ! วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ใช่ สำหรับทุกพื้นที่ในบ้านคุณ ฉบับอัปเดตปี 2025

วิธีเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ 2025

how-to-choose-air-purifier-2025

ในยุคที่ฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศกลายเป็นปัญหาสำคัญของคนเมือง วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ 

บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานจนถึงเทคนิคการเลือกซื้อแบบมืออาชีพ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้เครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง

Main Points

Table of Contents

Toggle

เครื่องฟอกอากาศคืออะไร ทำงานอย่างไร?

เครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร ด้วยการดูดอากาศเข้าสู่ตัวเครื่อง กรองสิ่งสกปรกและมลพิษต่างๆ ออก แล้วปล่อยอากาศที่สะอาดกลับสู่ห้อง

หลักการทำงาน เริ่มจากพัดลมภายในเครื่องดูดอากาศเข้าสู่ระบบกรองหลายชั้น แต่ละชั้นจะดักจับมลพิษขนาดและประเภทต่างกัน ตั้งแต่ฝุ่นหยาบ ขนสัตว์ ไปจนถึงฝุ่น PM2.5 เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และก๊าซเป็นพิษ ก่อนส่งอากาศบริสุทธิ์กลับสู่ห้องอีกครั้ง

ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศ

ประโยชน์ต่อสุขภาพ ที่ได้รับจากการใช้เครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี ได้แก่:

วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ ให้ถูกใจและใช้งานได้จริง

วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ ควรเลือกยังไง? ให้ได้เครื่องที่คุ้มค่า จำเป็นต้องพิจารณาคุณสมบัติหลักดังนี้

1. ชนิดของตัวกรองอากาศ

เครื่องฟอกอากาศใช้เทคโนโลยีการกรองที่หลากหลายเพื่อทำให้อากาศสะอาด คุณควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีตัวกรองที่ตรงกับความต้องการของคุณ:

2. คำนวณขนาดพื้นที่ห้องให้ถูกต้อง

เครื่องฟอกอากาศ เลือกยังไง ให้เหมาะกับห้อง? คำตอบคือดูที่ขนาดพื้นที่ครอบคลุมและค่า CADR

วิธีคำนวณพื้นที่ห้อง

นำความกว้าง x ความยาว (หน่วยเป็นฟุต) = พื้นที่ตารางฟุต

ตัวอย่าง: ห้องกว้าง 12 ฟุต ยาว 15 ฟุต = 180 ตารางฟุต

คำแนะนำสำคัญ: เลือกเครื่องที่รองรับพื้นที่มากกว่าห้องจริง 20-40% เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่าและเครื่องไม่ต้องทำงานหนักเกินไป

3. ทำความเข้าใจค่า CADR

ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) คืออัตราการส่งอากาศสะอาด วัดเป็น CFM (Cubic Feet per Minute) บอกว่าเครื่องสามารถฟอกอากาศได้เร็วและมีประสิทธิภาพแค่ไหน

ค่า CADR จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท:

ตารางค่า CADR แนะนำตามขนาดห้อง

ขนาดห้อง (ตารางเมตร)ค่า CADR ขั้นต่ำ
26200
40300
53400
66472
88688

ห้องยิ่งใหญ่ต้องการค่า CADR ที่สูงขึ้น เพื่อให้ฟอกอากาศได้ทั่วถึงและรวดเร็ว

4. ระดับเสียงที่ไม่รบกวน

เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศในบ้านต้องเปิดทิ้งไว้นานๆ ระดับเสียงจึงเป็นเรื่องสำคัญ

แนวทางเลือก:

5. ฟีเจอร์อัจฉริยะที่ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น

เครื่องฟอกอากาศยุคใหม่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย:

เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์

แอปพลิเคชันควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน

โหมดอัตโนมัติและโหมดนอน

เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนดี ให้ตามความต้องการของคุณ

สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่อากาศบริสุทธิ์! มาดูวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่จะตอบโจทย์ขนาดห้อง ฟีเจอร์ และงบประมาณของคุณได้อย่างลงตัวที่สุดกัน

1. เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับคนแพ้ง่าย

สำหรับคนที่มีอาการแพ้ฝุ่น ละอองเกสร หรือไรฝุ่น ควรเลือกเครื่องที่มีระบบกรองที่ไว้ใจได้ เช่น ตัวกรอง HEPA เกรดสูง และมีระบบกรองหลายชั้น

อย่างเช่น เครื่องฟอกอากาศชาร์ป รุ่น FP-F30TA-A (สำหรับ 21 ตร.ม.) ที่มีระบบกรอง 3 ขั้นตอน พร้อมเทคโนโลยี พลาสม่าคลัสเตอร์ ช่วยลดไฟฟ้าสถิต ทำให้ฝุ่นถูกดูดจับได้ง่ายขึ้น ด้วยพลังลมดูดทรงพลังในมุม 20 องศา 

และไส้กรองประสิทธิภาพสูงที่สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน (รวมถึงไวรัสและสารก่อภูมิแพ้) ช่วยให้ชีวิตประจำวันของคุณสะอาดและสบายยิ่งขึ้น

 2. เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับคนสัตว์เลี้ยง

เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ควรมีพรีฟิลเตอร์ที่ถอดล้างง่ายเพื่อดักจับขนและฝุ่น พร้อมทั้งมีแผ่นกรองคาร์บอนขนาดใหญ่เพื่อจัดการกับกลิ่นไม่พึงประสงค์โดยเฉพาะ 

หมดกังวลเรื่องกลิ่นและขนกวนใจด้วย HOMERUNPET เครื่องฟอกอากาศสำหรับสัตว์เลี้ยง รุ่น D1 ที่ออกแบบมาเพื่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ด้วยฟิลเตอร์ 3 ชั้น (รวม HEPA H13 และคาร์บอน) ช่วยกำจัดขน กลิ่น 

และ PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีค่า CADR สูง 320 $\text{m}^3/\text{h}$ และทำงานเงียบไม่รบกวน เหมาะสำหรับพื้นที่ 22-38 $\text{m}^2$ และควบคุมผ่านแอปพลิเคชันได้ง่ายๆ มอบอากาศสะอาดสดชื่น ปลอดภัยทั้งคุณและสัตว์เลี้ยง

3. เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับคนผู้สูบบุหรี่

เครื่องฟอกอากาศเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณและคนที่คุณรักได้รับอากาศที่ดีขึ้น ด้วยการลดควันบุหรี่ในบ้าน โดยเครื่องที่ดีควรมีไส้กรอง HEPA ดักจับอนุภาคเล็ก ๆ, ไส้กรอง คาร์บอนหนา เพื่อกำจัดกลิ่นและสารเคมี, และมีค่า CADR สำหรับควันสูง (ควรเป็น 300 ขึ้นไป) เพื่อความรวดเร็วในการฟอก 

เช่น IQAIR เครื่องฟอกอากาศ รุ่น ATEM X COLDFIRE จากสวิตเซอร์แลนด์และเยอรมนี ที่มีเทคโนโลยี HyperHEPA CF (ColdFire) และ BionicCore™ ซึ่งช่วยฟอกอากาศครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 154 ตร.ม. พร้อมลดฝุ่น PM2.5 

และสารฟอร์มาลดีไฮด์ได้สูงสุด อย่างไรก็ตาม การเลิกสูบก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก

4. สิ่งอื่นๆ ที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม

เมื่อตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศ นอกจากราคาเครื่องแล้ว อย่าลืมคำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาว เช่น ค่าไส้กรองที่ต้องเปลี่ยนเป็นประจำ (HEPA และคาร์บอน) ค่าบำรุงรักษา และค่าไฟฟ้า 

เครื่องฟอกอากาศ Toshiba รุ่น CAF-H20(W) เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยเทคโนโลยีกรองอากาศ 3 ชั้น และการปล่อยไอออนประจุลบ ช่วยยับยั้งแบคทีเรียได้มากกว่า 99% พร้อมฟอกอากาศรวดเร็วในห้องขนาด 24 ตร.ม. 

และยังมาพร้อมการรับประกัน 2 ปี (มอเตอร์ 5 ปี) ทำให้คุณมั่นใจในอากาศบริสุทธิ์ได้ทุกที่ ดังนั้น การเลือกรุ่นที่เหมาะสมและมีโหมดประหยัดพลังงานจะช่วยให้ประหยัดได้มากขึ้น

5. ชื่อเสียงแบรนด์และบริการหลังการขาย

เพื่อให้การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศเป็นไปอย่างคุ้มค่า ควรพิจารณาจากชื่อเสียงของแบรนด์ที่มีประวัติการผลิตยาวนาน ได้รับมาตรฐานสากล และมีรีวิวดี ๆ จากผู้ใช้จริง เช่น แบรนด์อย่าง Toshiba และ Xiaomi ที่ได้รับความเชื่อถือ 

โดยเฉพาะ Xiaomi Air Purifier รุ่น Elite ที่มาพร้อมฟังก์ชันฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ถึง 99.99% ครอบคลุมพื้นที่ 42-72 ตร.ม. พร้อมการควบคุมผ่าน Touch, App และ Voice ควบคู่ไปกับบริการหลังการขายที่ครอบคลุม เช่น มีศูนย์บริการทั่วประเทศ มีไส้กรองทดแทนจำหน่ายง่าย และมีระยะเวลารับประกันที่ชัดเจน

6. ราคาของเครื่องฟอกอากาศ

ช่วงราคาของ เครื่องฟอกอากาศ ในตลาดจะแตกต่างกันไปตามขนาดห้องและฟีเจอร์ โดยเริ่มต้นที่ระดับ 3,000-7,000 บาท สำหรับห้องเล็กและฟังก์ชันพื้นฐาน ขณะที่รุ่นระดับกลาง 7,000-15,000 บาท จะมีเซ็นเซอร์และการเชื่อมต่อที่สะดวกขึ้น 

และรุ่นพรีเมียม 15,000-30,000 บาท ขึ้นไปจะเหมาะกับห้องขนาดใหญ่ พร้อมเทคโนโลยีครบครันและดีไซน์ที่สวยงาม 

เช่น MEX เครื่องฟอกอากาศ รุ่น P501 ที่ครอบคลุมพื้นที่ 50-70 ตร.ม. อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยระบบกรองหลายชั้น (H13 HEPA, Activated Carbon) ดักจับ PM2.5 ได้ 99.97% มีหน้าจอแสดงคุณภาพอากาศ และทำงานเงียบเพียง 33 เดซิเบลในโหมดเบา

คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ

ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศ คุณมีข้อสงสัยอะไรอยู่ในใจ? เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยและคำตอบที่ช่วยให้คุณเลือกได้อย่างมั่นใจมาไว้ที่นี่!

1. วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับขนาดห้อง?

วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศควรดูค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ที่เหมาะสมกับขนาดห้องของคุณ ยิ่งห้องใหญ่ ค่า CADR ก็ควรสูงตาม เพื่อประสิทธิภาพการฟอกอากาศสูงสุด

2. ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีฟิลเตอร์แบบใด?

ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีระบบกรองหลายชั้น โดยเฉพาะ HEPA filter ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ดี และอาจมี Activated Carbon filter เพื่อดูดซับกลิ่นและสารเคมี.

3. เครื่องฟอกอากาศมีฟังก์ชันอะไรบ้างที่ควรมี?

ฟังก์ชันที่น่าสนใจได้แก่ โหมดอัตโนมัติ, เซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศ, ตั้งเวลาเปิด-ปิด, โหมดกลางคืน, การเชื่อมต่อ Wi-Fi และหน้าจอแสดงผลคุณภาพ

เลือกเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีสำหรับบ้านคุณ ได้ที่ Officemate

การเลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่เหมาะสมถือเป็นการลงทุนที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว เพราะช่วยลดมลพิษและปรับปรุงคุณภาพอากาศในบ้านให้ดีขึ้น 

วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศควรเลือกเครื่องที่มีดีไซน์สวยงาม ฟังก์ชัน ใช้งานง่าย และมีตัวกรอง HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงฟีเจอร์เสริม เช่น การแสดงผลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์และโหมดประหยัดพลังงาน

คุณสามารถหาเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ที่ OFM ซึ่งมีหลากหลายรุ่นให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ชั้นนำ เรามีครบครันทั้งด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ หรือรุ่นอื่น ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในบ้าน

พิเศษ! สำหรับลูกค้าใหม่ 

🛍️ ซื้อครบ 999.- ใส่โค้ด “NEW10” รับส่วนลด 10% (สูงสุด 1,000 บาท)

💥รับคะแนน The 1 X3 (1,000 บาท)

🎯 ยิ่งช้อป ยิ่งลด! อย่าพลาดดีลสุดคุ้มวันนี้!

📌 ช้อปเลย 👉  https://www.ofm.co.th

Exit mobile version