Site icon OFM Blog

เคล็ดลับวางเครื่องฟอกอากาศให้ถูกจุด เพื่ออากาศสะอาดทั่วบ้าน

เคล็ดลับวางเครื่องฟอกอากาศให้ถูกจุด เพื่ออากาศสะอาดทั่วบ้าน

air-purifier-location-guide

การวางเครื่องฟอกอากาศให้ถูกตำแหน่งมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพการฟอกอากาศในบ้าน เพราะแม้เครื่องจะมีสเปกดีแค่ไหน หากตั้งผิดจุดก็อาจดูดอากาศเสียได้น้อยลง และกระจายอากาศสะอาดได้ไม่ทั่วถึง 

เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มที่ ควรวางไว้ในตำแหน่งที่ อากาศไหลเวียนดี ไม่ควรถูกกีดขวางด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือผนัง และควรอยู่ใกล้บริเวณที่เป็น แหล่งกำเนิดฝุ่นหรือกลิ่น เช่น ใกล้ประตูทางเข้า หรือมุมที่ใช้งานบ่อย 

การทำเช่นนี้จะช่วยให้เครื่องสามารถลดฝุ่น PM2.5 ได้รวดเร็วขึ้น และทำให้บ้านของคุณรู้สึกสะอาดและสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Key Takeaways

Table of Contents

Toggle

เครื่องฟอกอากาศช่วยลดฝุ่น ควัน และปัญหาสุขภาพได้อย่างไร

เครื่องฟอกอากาศมีบทบาทสำคัญในการลดฝุ่นละออง ควันจากการปรุงอาหาร ขนสัตว์ ไรฝุ่น รวมถึงสารระเหยในอากาศ 

ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการแพ้ ไอ จาม หรือโรคทางเดินหายใจ การวางเครื่องในตำแหน่งที่เหมาะสมจะช่วยให้เครื่องกำจัดมลพิษเหล่านี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้สมาชิกในบ้านหายใจได้สะดวกขึ้น และช่วยลดอาการแพ้สะสมในระยะยาว

ตำแหน่งสำหรับวางเครื่องฟอกอากาศให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

การมีเครื่องฟอกอากาศ เพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอ หากวางผิดตำแหน่ง ประสิทธิภาพการฟอกอากาศอาจลดลงอย่างเห็นได้ชัด การเลือกจุดวางให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้อากาศในบ้านสะอาดเร็วขึ้น ลดฝุ่น ควัน และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตำแหน่งการวางส่งผลโดยตรงต่อการหมุนเวียนอากาศ ถ้าวางในมุมอับ มีของกีดขวาง หรือลมถ่ายเทไม่ดี เครื่องจะดึงอากาศเข้ากรองได้น้อยลง ทำให้ต้องทำงานหนักและใช้เวลานานกว่าห้องจะสะอาด

5 เหตุผลว่าทำไมการจัดวางเครื่องฟอกอากาศให้ถูกที่จึงช่วยฟอกอากาศได้ดีกว่าเดิม

การจัดวางเครื่องฟอกอากาศในบ้านอย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้อากาศสะอาดทั่วถึงยิ่งขึ้นในทุกมุมห้อง

1.ช่วยหมุนเวียนอากาศได้ดีขึ้น
หากวางในตำแหน่งที่ลมหมุนเวียนสะดวก เครื่องจะดูดอากาศได้มากขึ้น พร้อมปล่อยอากาศสะอาดออกทั่วห้องอย่างสม่ำเสมอ

2.ลดจุดที่อากาศสกปรกค้างอยู่
มุมอับหรือหลังเฟอร์นิเจอร์เป็นบริเวณที่ฝุ่น ควัน หรือกลิ่นมักสะสม การจัดวางที่ดีจึงช่วยลดพื้นที่อับชื้นหรือมีสิ่งค้างสะสมเหล่านี้ได้

3.ทำให้ประสิทธิภาพการฟอกอากาศสูงขึ้น
เมื่ออากาศไหลผ่านเครื่องฟอกอากาศมากขึ้นจะสามารถลด PM2.5 กลิ่น และสารก่อภูมิแพ้ได้เร็วกว่าเดิม

4. ลดภาระเครื่อง ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น

ถ้าวางผิดที่ เช่น ชิดผนังหรือถูกบังทิศทางลม เครื่องฟอกอากาศจะทำงานหนักโดยไม่จำเป็น การวางในจุดโปร่งช่วยถนอมมอเตอร์และยืดอายุการใช้งาน

5. ประหยัดพลังงาน เพราะเครื่องไม่ต้องทำงานหนัก

ถ้าวางในจุดที่อากาศหมุนเวียนดี เครื่องฟอกอากาศไม่จำเป็นต้องเร่งพัดลมแรงเพื่อดึงอากาศเข้ามาฟอก ลดการใช้ไฟ และช่วยให้การใช้งานในระยะยาวคุ้มค่ามากขึ้น

4 สิ่งที่มีผลต่อการกระจายอากาศภายในบ้าน

ก่อนวางเครื่องฟอกอากาศ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้เพื่อให้เครื่องทำงานได้ดีที่สุด:

1.ทิศทางลมในห้อง ถ้าลมเข้าจากหน้าต่างหรือประตู ควรวางเครื่องในเส้นทางลมนั้นเพื่อดักจับฝุ่นก่อนกระจายทั่วห้อง
2.ขนาดพื้นที่ใช้สอย ห้องใหญ่ ห้องเล็ก หรือห้องแบบโอเพ่นสเปซ ล้วนมีผลต่อการไหลเวียนของอากาศและตำแหน่งวางเครื่องที่เหมาะสม
3.เฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งกีดขวาง การวางเครื่องติดเฟอร์นิเจอร์มากเกินไปทำให้อากาศไหลไม่สะดวก ลดความสามารถของเครื่องฟอกอากาศลง
4. ระดับความสูงในห้อง อากาศเสียมักลอยขึ้นสูง โดยเฉพาะกลิ่นหรือควัน การวางเครื่องสูงขึ้นเล็กน้อยจึงอาจช่วยให้ฟอกอากาศได้ดีขึ้น

จุดที่ควรหลีกเลี่ยงในการวางเครื่องฟอกอากาศ

แม้เครื่องฟอกอากาศจะมีประสิทธิภาพสูงเพียงใด แต่หากวางผิดตำแหน่ง ก็อาจฟอกอากาศได้ไม่เต็มที่หรือสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ

10 เครื่องฟอกอากาศสำหรับคนแพ้ฝุ่น ต้องมีติดบ้าน

เพื่อสุขภาพที่ดีของคนในบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นภูมิแพ้และแพ้ฝุ่นละออง เรามี 10 เครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงที่คุณควรมีติดบ้านมาแนะนำ

1.DYSON เครื่องฟอกอากาศ รุ่น BP03 Nk/Bu สีน้ำเงิน ขนาด 100 ตร.ม.

การมีเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยดูแลพื้นที่กว้างถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านยุคใหม่ที่ต้องเผชิญกับฝุ่น PM และมลพิษในอากาศทุกวัน DYSON BP03 ตอบโจทย์เรื่องประสิทธิภาพและดีไซน์พรีเมียม พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยให้อากาศในบ้านสะอาดและสดชื่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างมาก เหมาะกับบ้านที่มีห้องโล่งและเพดานสูงราคาสูงกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไปในตลาด
ระบบกรองละเอียดหลายชั้น ดักจับได้ทั้งฝุ่น กลิ่น และมลพิษต่าง ๆราคาฟิลเตอร์อะไหล่ / ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูง เหมาะกับคนที่พร้อมลงทุนระยะยาวมากกว่า
แอปใช้งานง่าย ควบคุมและดูคุณภาพอากาศได้ครบตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ต้องเผื่อพื้นที่วาง
ดีไซน์ทันสมัย วางแล้วช่วยเสริมลุคบ้านได้หาของเปลี่ยนไส้กรองยาก ทำให้ต้องวางแผนเปลี่ยนล่วงหน้า
ทำงานเงียบ เปิดตลอดคืนได้โดยไม่รบกวนฟีเจอร์บางอย่างอยู่ในแอปเท่านั้น

2.เครื่องฟอกอากาศ HealthPro 100 IQAir IQ-HP100

ในบ้านที่มีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีอาการแพ้ง่าย การเลือก เครื่องฟอกอากาศ ที่มีระบบกรองละเอียดเป็นพิเศษถือเป็นเรื่องสำคัญ IQAir HealthPro 100 เป็นรุ่นที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์และผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยความสามารถในการกรองอนุภาคขนาดเล็กมาก เหมาะกับบ้านที่ต้องการคุณภาพอากาศระดับมืออาชีพ

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
ดักจับอนุภาคเล็กถึง 0.003 ไมครอน กรองอนุภาคเล็กกว่าระดับ HEPAอยู่ในกลุ่มราคาพรีเมียม เหมาะกับคนที่ “ตั้งใจลงทุนด้านคุณภาพอากาศ”
เหมาะกับคนเป็นภูมิแพ้แบบจริงจัง ถูกวางโพสิชันเป็น “Allergy Specialist”ค่าใช้จ่ายเรื่องไส้กรองค่อนข้างสูง
ครอบคลุมพื้นที่ห้องกลาง–ใหญ่ตัวเดียวอยู่ไม่มีแอปหรือฟีเจอร์สมาร์ทแบบรุ่นใหม่ ๆ
การจัดการเสียงและการสั่นสะเทือนดีเน้นกรองฝุ่นและอนุภาคเล็กโดยเฉพาะ ไม่เหมาะกับการกำจัดกลิ่นหรือสาร VOC หนัก ๆ
ฟิลเตอร์คุณภาพสูง อายุการใช้งานยาวกว่าเครื่องทั่วไป

3.IQAIR เครื่องฟอกอากาศในอาคาร ATEM X

IQAir ATEM X เครื่องฟอกอากาศ คือหนึ่งในตัวท็อปที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องประสิทธิภาพและดีไซน์ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตได้จริง ระบบกรองละเอียด และดีไซน์เรียบหรูสำหรับบ้านยุคใหม่

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
กรองละเอียดถึงระดับ HyperHEPA  เหมาะมากกับคนแพ้ง่ายหรืออยากอากาศสะอาดจริงจังราคาสูงกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไปในตลาด
ครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ เหมาะกับบ้าน ห้องโถง หรือพื้นที่รวมไม่มีแผ่นกรองถ่าน (activated carbon)  จึงอาจไม่เน้นเรื่องดูดกลิ่นหรือสารระเหยมากนัก
ระบบเซ็นเซอร์ + โหมดอัตโนมัติ + แอปควบคุม ทำให้ใช้งานง่ายและฉลาดฟิลเตอร์ต้นทุนสูง ค่าบำรุงรักษาและเปลี่ยนไส้กรองอาจสูงตามไปด้วย
ดีไซน์พรีเมียม วางแล้วดูดีเหมือนเฟอร์นิเจอร์ ไม่เหมือนเครื่องฟอกอากาศทั่วไป
ทำงานเงียบเมื่อใช้โหมดกลาง–ต่ำ เหมาะกับห้องนอนและพื้นที่ใช้ชีวิต

4.เครื่องฟอกอากาศ เสียวหมี่ 4 Lite สีขาว

Xiaomi Smart Air Purifier 4 Lite เครื่องฟอกอากาศ มอบอากาศสะอาด พร้อมฟังก์ชันครบ เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กถึงขนาดกลางในบ้านหรือคอนโด

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
กรองฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ดี 99.97%ไม่เหมาะกับพื้นที่ใหญ่ ถ้าห้องใหญ่หรือบ้านเป็น open-space อาจไม่พอ
ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา วางได้แม้ในห้องเล็กกำลังลมและการหมุนเวียนอากาศจำกัดเมื่อเทียบกับเครื่องฟอกพื้นที่ใหญ่
CADR และประสิทธิภาพดีเมื่อใช้งานห้องทั่วไป / ห้องนอนถ้าใช้ในห้องที่มีฝุ่นมากหรือสัตว์เลี้ยง อาจต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อย
มีฟีเจอร์สมาร์ท: แอปควบคุม, ตั้งเวลา, ดูค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ไส้กรองเมื่อผ่านไประยะหนึ่งอาจลดประสิทธิภาพ  ต้องดูแลเปลี่ยนตามรอบ
ราคาน่าคบกว่าเครื่องฟอกอากาศพรีเมียมหลายรุ่นถ้าต้องการกรองสารระเหย กลิ่นแรง หรือ VOC หนัก สมรรถนะอาจไม่พอ

5.เครื่องฟอกอากาศชาร์ป SHARP FP-J60TA สีขาว 48 ตร.ม.

SHARP FP-J60TA เครื่องฟอกอากาศ ถูกออกแบบมาให้รองรับพื้นที่ประมาณ 48 ตร.ม. พร้อมเทคโนโลยีเฉพาะด้านที่ช่วยกรองอากาศให้สะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคนในบ้าน

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
กรองหลายชั้น ครบทั้งฝุ่น กลิ่น ไอออน ลดเชื้อโรค เหมาะกับครัวเรือนทั่วไปประสิทธิภาพอยู่ในระดับสำหรับห้องขนาดกลาง–เล็ก ถ้าห้องใหญ่หรือ open-space อาจฟอกไม่ทั่วถึง
รองรับพื้นที่ ~48 ตร.ม. เหมาะกับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือคอนโดถ้าใช้ในห้องใหญ่เกิน 48 ตร.ม. จะเริ่มเห็นข้อจำกัดเรื่องความเร็วในการหมุนเวียนอากาศ
มีฟีเจอร์อัตโนมัติ เซ็นเซอร์ ควบคุมง่าย เหมาะกับชีวิตยุคปัจจุบันถ้าไม่เปิดโหมด Auto / Ion / HEPA พร้อมกัน อาจได้ประสิทธิภาพไม่เต็มที่
แผ่นกรอง HEPA + Carbon + Plasmacluster ช่วยกรองฝุ่น กลิ่น และเชื้อโรคต้องเปลี่ยนไส้กรองตามรอบจริง ถ้าไม่เปลี่ยนอาจลดประสิทธิภาพลง
มีไอออนช่วยลดเชื้อโรค กลิ่น และสารก่อภูมิแพ้ เหมาะกับคนแพ้ง่ายสำหรับพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือสารระเหยมาก อาจต้องเสริมระบบดูดกลิ่นหรือระบายอากาศควบคู่

6.เครื่องฟอกอากาศ Aconatic AN-APF4822

Aconatic AN-APF4822 เครื่องฟอกอากาศ จึงเหมาะกับห้องทั่วไปที่ต้องการความสะอาดขึ้นแบบไม่ยุ่งยาก และต้องการฟังก์ชันที่ครบในราคาที่จับต้องได้

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
ราคาประหยัด คุ้มค่า เหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศพื้นฐานระบบกรองไม่ละเอียดเท่าเครื่องระดับกลาง–พรีเมียม
ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เปิดใช้ได้ทันที พร้อมโหมด Autoไม่เหมาะกับพื้นที่ใหญ่เกินประมาณ 50 ตร.ม.
ตัวเครื่องน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวกถ้าใช้งานในพื้นที่ฝุ่นเยอะต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อย
มีโหมด Sleep เงียบ ใช้ตอนนอนได้ฟีเจอร์ไม่เยอะ เช่น ไม่มีแอปหรือเซ็นเซอร์หลายระดับ
วางง่าย ขนาดไม่ใหญ่ เหมาะกับคอนโดหรือห้องทั่วไปประสิทธิภาพกำจัดกลิ่นและ VOC อยู่ในระดับพื้นฐาน

7.เครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น Dust Magnet 5240i

ถ้าคุณกำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศ ที่ให้ทั้งความคุ้มค่า ดีไซน์สวย และการกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสำหรับห้องขนาดเล็ก–กลาง Blueair Dust Magnet 5240i คือหนึ่งในตัวเลือกที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ ให้บ้านของคุณมีอากาศสะอาด สดชื่น และน่าอยู่ยิ่งขึ้น

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
ดักจับฝุ่น ละออง สารก่อภูมิแพ้ และฝุ่นละเอียดได้ดี เหมาะกับคนแพ้ฝุ่นหรือมีสัตว์เลี้ยงสมรรถนะการฟอกเหมาะกับห้องเล็ก–กลาง (ประมาณ 20-48 ตร.ม.) ถ้าใช้ในพื้นที่ใหญ่เกินไป ประสิทธิภาพอาจลดลง
ดีไซน์กะทัดรัด วางง่าย ดูเหมือนเฟอร์นิเจอร์ ไม่เหมือนเครื่องฟอกอากาศทั่วไปถ้าใช้งานในห้องใหญ่ Open-space อาจต้องเครื่องหลายตัวหรือเครื่องที่ใหญ่กว่า
เสียงเงียบและกินไฟต่ำ เหมาะกับการใช้งานทั้งวันและตอนนอนฟีเจอร์พื้นฐาน ไม่มีระบบกรองแรงพิเศษหรือฟังก์ชันครบเท่ารุ่นพรีเมียม
คุ้มค่ากับราคา สำหรับคนต้องการเครื่องฟอกอากาศพื้นฐาน + ประหยัดพลังงานหากมีฝุ่นหนัก ไรฝุ่น กลิ่นแรง หรือควันมาก อาจต้องเพิ่มพัดลมหรือระบบระบายอากาศเสริม
ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับคนที่เริ่มใช้เครื่องฟอกอากาศครั้งแรกไส้กรองต้องดูแลและเปลี่ยนตามรอบ  ถ้าไม่เปลี่ยนอาจลดประสิทธิภาพลง

8.เครื่องฟอกอากาศ SHARP FP-J30TA-A สีฟ้า

SHARP FP-J30TA-A เครื่องฟอกอากาศ มาพร้อมระบบ พลาสม่าคลัสเตอร์ + HEPA ที่ออกแบบมาให้ใช้งานสะดวก เหมาะกับห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องนั่งเล่นขนาด 20–25 ตร.ม.

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
กรองฝุ่น ฝุ่นละเอียด และสารก่อภูมิแพ้ มีระบบกรอง + พลาสม่าคลัสเตอร์เหมาะกับห้องประมาณ 20–25 ตร.ม. ถ้าใช้ในพื้นที่ใหญ่ ประสิทธิภาพอาจลดลง
ตัวเครื่องกะทัดรัด เคลื่อนย้ายง่าย น้ำหนักเบาพัดลมแรงลมจำกัด เมื่อต้องฟอกอากาศในห้องที่มีฝุ่นมากหรืออากาศไม่ถ่ายเทดี
มีหลายโหมดการใช้งาน + ฟังก์ชันครบ เหมาะกับการใช้งานประจำวันถ้าไม่เปลี่ยนแผ่นกรองตามรอบ อาจทำให้ประสิทธิภาพกรองลดลง
ราคาและขนาดเหมาะกับคอนโด ห้องทั่วไป คุ้มสำหรับพื้นที่เล็ก–กลางระบบอาจไม่เพียงพอสำหรับการกรองสารระเหยหนักหรือกลิ่นแรงในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง
ทำงานเงียบพอ ให้ใช้งานตอนนอนได้โดยไม่รบกวนเมื่อเปิดโหมดแรงเต็มที่ อาจมีเสียงและใช้พลังงานมากกว่าปกติ

9.เครื่องฟอกอากาศ Philips AC1715 สีขาว

Philips AC1715 เครื่องฟอกอากาศ รุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับห้องขนาดกลาง–ใหญ่ ให้ทั้งประสิทธิภาพการฟอกอากาศสูง ระบบกรองหลายชั้น และฟีเจอร์สมาร์ทที่ควบคุมได้ผ่านแอป

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

CADR สูง 300 m³/h ฟอกอากาศได้เร็ว เหมาะกับห้องขนาดกลาง–ใหญ่ราคาสูงกว่าเครื่องฟอกอากาศระดับเริ่มต้น เหมาะกับคนที่ตั้งใจลงทุนด้านคุณภาพอากาศจริง ๆ
ระบบกรอง 3 ชั้น NanoProtect HEPA + Carbon + Pre-filter กรองอนุภาคเล็กและช่วยจัดการกลิ่นได้ดีไส้กรองแบบ 3-in-1 เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนทั้งชุด ค่าใช้จ่ายต่อครั้งสูงกว่าฟิลเตอร์แยกชิ้นบางรุ่น
รองรับพื้นที่ได้ถึง ~78 ตร.ม. ใช้เครื่องเดียวจบในห้องใหญ่ หรือพื้นที่โล่งของบ้านรูปทรงทรงกระบอกสูง ต้องมีพื้นที่ตั้งโดยเฉพาะ ไม่เหมาะกับการวางชิดมุมหรือใต้เฟอร์นิเจอร์มากนัก
มีโหมด Auto และ Night Mode เสียงเบา (เริ่มต้นราว 15 dB) เปิดนอนได้ไม่กวนการพักผ่อนเมื่อใช้โหมดแรงสุด เสียงจะดังขึ้นถึง ~50 dB ซึ่งอาจรู้สึกชัดในห้องเงียบ ๆ
รองรับการเชื่อมต่อแอป Air+ และบางรุ่นย่อยรองรับสั่งงานผ่านสมาร์ทโฮม ช่วยให้ควบคุมเครื่องฟอกอากาศได้สะดวกฟีเจอร์สมาร์ทและการเชื่อมต่อแอปต้องใช้ Wi-Fi เสถียร 

10.เครื่องฟอกอากาศ Hatari AP12R1

ถ้าคุณมองหา เครื่องฟอกอากาศ ที่ราคาไม่สูงแต่สามารถใช้ได้จริงในบ้านหรือคอนโดขนาดเล็ก–กลาง รุ่นนี้อาจเป็นคำตอบที่ดี Hatari AP12R1 เครื่องฟอกอากาศที่มาพร้อมระบบกรองพื้นฐาน เหมาะกับห้องขนาดเล็ก–กลาง และตอบโจทย์การใช้งานประจำวันโดยไม่สิ้นเปลืองค่าไฟ

จุดเด่นสินค้า

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
เหมาะกับห้องขนาดเล็ก–กลาง ใช้งานในคอนโด ห้องนอน ห้องพักได้พอดีถ้าใช้ในห้องขนาดใหญ่หรือ open-space อาจกรองอากาศไม่ครอบคลุมพอ
ระบบกรองหลายชั้นรวม HEPA + Carbon + Pre-filter ช่วยดักฝุ่น กลิ่น และสารก่อภูมิแพ้ได้ประสิทธิภาพการกรองพื้นฐาน ไม่เพียงพอสำหรับฝุ่นละเอียดมาก ๆ 
มีโหมดลมหลายระดับ + เซ็นเซอร์ PM2.5 + ฟังก์ชันออโต้ ใช้งานง่ายทันทีที่เดินเข้าบ้านสเปก CADR และกำลังลมไม่สูงมาก ถ้าตั้งโหมดแรงสุด อาจเสียงดังกว่าโหมดปกติเล็กน้อย
ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ไม่เปลืองพื้นที่  เหมาะกับคอนโด/ห้องเล็กถ้าไม่เปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลา อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้
ราคาเข้าถึงง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้นใช้เครื่องฟอกอากาศ

5 วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับบ้านคุณ

การเลือก เครื่องฟอกอากาศ ที่เหมาะสมช่วยให้บ้านของคุณมีอากาศสะอาดขึ้น ลดฝุ่น PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ และกลิ่นต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ด้วยรุ่นและฟังก์ชันที่หลากหลาย อาจทำให้หลายคนสับสนว่าจะเลือกแบบไหนดี มาดูวิธีเลือกรุ่นที่ “ใช่” สำหรับบ้านของคุณจริง ๆ

1. เลือกตามขนาดห้อง ดูค่า CADR หรือพื้นที่รองรับของเครื่องให้เหมาะกับขนาดห้อง เช่น

2. เลือกแผ่นกรองคุณภาพดี ควรมีอย่างน้อย

3. มีเซ็นเซอร์ฝุ่นและโหมด Auto ช่วยให้เครื่องปรับแรงลมให้เหมาะกับคุณภาพอากาศจริง ประหยัดไฟ และใช้งานสะดวกกว่า

4. ดูระดับเสียงให้เหมาะกับการใช้งาน ถ้าใช้ในห้องนอน  ควรเลือกเครื่องที่มีเสียงต่ำกว่า 20–30 dB

5. คำนึงถึงค่าไส้กรองระยะยาว เลือกแบรนด์ที่ราคาไส้กรองไม่สูงเกินไป และเปลี่ยนปีละครั้ง หรือแบบคุ้มค่าในการดูแลรักษา

ก่อนเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศต้องรู้ 3 คำถามสำคัญ

3 คำถามสำคัญนี้จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องฟอกอากาศได้ตรงจุด คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดในชีวิตประจำวัน

1. เครื่องฟอกอากาศมีประโยชน์อะไรบ้าง?

เครื่องฟอกอากาศช่วยลดฝุ่น PM2.5 ไรฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ พร้อมทั้งลดกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างกลิ่นอาหาร ควัน หรือกลิ่นอับ บางรุ่นยังช่วยลดแบคทีเรียและไวรัสในอากาศ ทำให้ผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดหายใจได้ดีขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบ้านที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ และสัตว์เลี้ยง

2. เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนจำเป็นไหม?

จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการอากาศสะอาดระหว่างพักผ่อน โดยเฉพาะผู้ที่แพ้ฝุ่น PM2.5 ขนสัตว์ หรือมีอาการคัดจมูกตอนกลางคืน เครื่องฟอกอากาศช่วยดักจับฝุ่นละออง ละอองเกสร เชื้อรา และกลิ่น ทำให้หายใจสบาย หลับลึกขึ้น และลดอาการแพ้สะสมได้อย่างเห็นผล

3. เครื่องฟอกอากาศ กินไฟไหม?

เครื่องฟอกอากาศ กินไฟน้อยกว่าที่หลายคนคิด ส่วนใหญ่ใช้พลังงานเพียง 20–60 วัตต์ เท่านั้น ซึ่งใกล้เคียงกับพัดลมตัวเล็ก หรือบางรุ่นประหยัดไฟยิ่งกว่า หากเปิดทั้งวันทั้งคืน ค่าไฟจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะรุ่นที่มีโหมด Auto หรือ Sleep เพราะจะปรับระดับลมอัตโนมัติและใช้พลังงานต่ำมาก

อากาศดีในบ้าน เริ่มได้ที่การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์

เครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับยุคที่คุณภาพอากาศนับวันยิ่งแย่ลง ทั้งฝุ่น PM2.5 กลิ่น ควัน หรือสารก่อภูมิแพ้ล้วนส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง 

การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับขนาดห้องและระบบกรองที่มีประสิทธิภาพ เช่น HEPA หรือคาร์บอน จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ในการทำให้บ้านน่าอยู่ขึ้น หายใจได้สบายขึ้น และลดปัญหาภูมิแพ้สำหรับคนในครอบครัวได้จริง

หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับบ้านหรือคอนโด ไม่ว่าจะต้องการรุ่นสำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือพื้นที่ใหญ่แบบโอเพ่นสเปซ 

บนเว็บไซต์  OFM.co.th  มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ ทั้ง Philips, Xiaomi, Sharp, Blueair, IQAir และรุ่นที่ตอบโจทย์ทุกงบประมาณ พร้อมรายละเอียดสินค้าและฟีเจอร์ครบถ้วน ช่วยให้คุณเปรียบเทียบและเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับความต้องการได้ง่ายขึ้นในที่เดียว

ดีลสุดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่! 🔥

🛍️ ซื้อครบ 999.- ใส่โค้ด “NEW10” รับส่วนลด 10% (สูงสุด 1,000 บาท)

💥รับคะแนน The 1 X3 (1,000 บาท)

🎯 ยิ่งช้อป ยิ่งลด! อย่าพลาดดีลสุดคุ้มวันนี้!

📌 ช้อปเลย 👉  https://www.ofm.co.th

Exit mobile version